นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ได้มอบหมายให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สรุปรายละเอียดเรื่องรูปแบบการลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 35.9 กม. มูลค่ารวม 122,041 ล้านบาท ภายหลังจากกระทรวงการคลังมีความเห็นว่ากรณีภาครัฐลงทุนงานโยธาเองจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าให้เอกชนลงทุนงานโยธาและระบบเดินรถรวมกันทั้ง 100%
วานนี้ (7 ต.ค.) ตนได้หารือกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ( สนข.) และกรมการขนส่งทางรางเพื่อพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นหากรัฐแยกงานโยธามาลงทุนเองจะทำให้ต้นทุนโครงการรวมลดลงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะประมวลข้อมูลทั้งหมดรายงานต่อนายอนุทินที่จะประชุมเรื่องนี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ (8 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหาข้อสรุปของรูปแบบที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ หากสรุปว่าใช้รูปแบบเดิม PPP 100% คือให้เอกชนลงทุนทั้งก่อสร้างงานโยธาและระบบบริหารเดินรถสายสีส้มตะวันออกและตะวันตกเหมือนเดิมซึ่งคณะกรรมการ PPP เห็นชอบแล้วจะเสนอ ครม.ได้ทันที แต่หากสรุปว่ารัฐควรแยกงานออกมาลงทุนเองจะต้องเสนอ ครม.ศก.เพื่อรายงานและเสนอ ครม.ให้พิจารณาและนำเรื่องกลับมาดำเนินการทบทวนใหม่ รวมถึงต้องเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ทบทวนมติเดิมที่เห็นชอบดำเนินโครงการแบบร่วมทุนเอกชน (PPP) 100% เป็นรัฐลงทุนงานโยธาเอง และเอกชนลงทุนงานระบบและบริหารการเดินรถ
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า แม้จะปรับรูปแบบใหม่เป็นรัฐลงทุนโยธาเอง มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลทำให้โครงการต้องล่าช้า โดยเชื่อว่าในเดือน ต.ค.นี้จะสามารถนำเสนอ ครม.ขออนุมัติในส่วนของงานโยธาได้ ส่วนบอร์ด รฟม.ก็อยู่ระหว่างเสนอแต่งตั้งชุดใหม่แล้ว ดังนั้น เมื่อบอร์ด รฟม.เห็นชอบปรับรูปแบบการลงทุนแล้วจะเสนอส่วนของงานโยธาเข้า ครม.ได้เลย เพราะมีการออกแบบไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการประมาณการจำนวนผู้โดยสาร จากการศึกษาเดิมในปีที่เปิดให้บริการส่วนของ สายสีส้มตะวันออก คาดว่าจะมีผู้โดยสารเฉลี่ยที่ 1 แสนคนต่อวัน และหากเปิดให้บริการสายสีส้มด้านตะวันตกจะทำให้ตลอดสายมีผู้โดยสารรวมเพิ่มเป็น 4.4 แสนคนต่อวันนั้น เห็นว่าเป็นจำนวนที่อาจจะน้อยไป ซึ่ง รฟม.จะต้องอัปเดตข้อมูลจำนวนผู้โดยสารใหม่อีกครั้ง
“ในการเลือกรูปแบบการลงทุนนั้นจะมีกรอบในการพิจารณาจากผู้เกี่ยวข้อง 3 ส่วน คือ ประชาชน, ภาครัฐ, เอกชน โดยต้องมุ่งที่ประชาชนจะต้องได้รับบริการที่ดี มีค่าโดยสารที่เหมาะสม ส่วนภาครัฐจะต้องลงทุนเท่าไร ส่วนเอกชนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนแค่ไหนจึงเหมาะสม