การตลาด - “ข่าว” เป็นคอนเทนต์โกยรายได้และเรียกเรตติ้งที่เป็นรองให้แค่ “ละคร” ส่งผลให้มูลค่ารายการข่าวสูงถึง 15,000 ล้านบาท หรือกว่า 30% ของมูลค่ารายได้โฆษณาบนสื่อทีวีรวม 50,000 ล้านบาท “ข่าว” จึงเป็นโอกาสของช่องรองที่จะปั๊มรายได้ ขณะที่เจ้าบัลลังก์ต้องทำให้ดีกว่าเดิมเพื่อทดแทนรายได้ละครที่ไม่ได้ดั่งใจ
ไม่ว่าทีวีดิจิทัลจะมีจำนวนมากหรือน้อย จาก 24 ช่อง จนเหลือ 15 ช่องในปัจจุบัน อย่างไรเสียโดยเฉลี่ยเม็ดเงินโฆษณาบนสื่อทีวีก็มีมูลค่าอยู่ที่ 50,000 ล้านบาทเท่าเดิม หรือคิดเป็น 50% ของอุตสาหกรรมโฆษณารวมราว 1 แสนล้านบาทในแต่ละปี ยิ่งจำนวนช่องเหลือน้อยลง ยิ่งส่งผลให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ภาวะในการแข่งขันก็จะดีขึ้นด้วย มีการลงทุนนำเสนอคอนเทนต์ที่ดีมีคุณภาพ โดยเฉพาะคอนเทนต์ละคร และข่าว ถือเป็น 2 คอนเทนต์หลักที่ทุกช่องหันมาไล่บี้กันเพื่อชิงรายได้จากโฆษณานำมาหล่อเลี้ยงทั้งสถานี แต่การที่ทีวีจะขายโฆษณาได้ต้องมาจากรายการที่ได้รับความนิยม หรือที่เรียกว่ามีเรตติ้ง ยิ่งมีตัวเลขเรตติ้งดียิ่งทำให้รายการนั้นมีราคาโฆษณาสูง ซึ่งรายการที่เป็นที่นิยมถูกจริตคนไทยสูงสุด คือ 1. ละคร 2. ข่าว 3. บันเทิง/วาไรตี และ 4 กีฬา รายการเด็ก และสารคดี รวมกัน
นายภวัต เรืองเดชวรชัย ผู้อำนวยการธุรกิจ-สายงานการวางแผน และกลยุทธ์สื่อโฆษณา บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด เปิดเผยว่า ภาพรวมสื่อทีวีโดยเฉลี่ยมีมูลค่ารายได้จากโฆษณาอยู่ที่ 50,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่คอนเทนต์รายการที่มีมูลค่าสูงสุด คือ 1. ละคร 45% คิดเป็นมูลค่า 22,500 ล้านบาท 2. ข่าว 30% คิดเป็นมูลค่า 15,000 ล้านบาท 3. บันเทิง/วาไรตี 15% คิดเป็นมูลค่า 7,500 ล้านบาท และ 4. กีฬารายการเด็ก และสารคดี 10% คิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาท
"ปัจจุบันทีวีแต่ละช่องจะหันมาแข่งขันกันที่ละครและข่าวเป็นหลัก โดยเฉพาะละครถือเป็นคอนเทนต์อันดับ 1 ในการทำรายได้ ส่งผลให้เวลานี้แทบทุกช่องที่แข่งขันกันในเชิงพาณิชย์จะมีละครให้รับชมกันเกือบหมด แต่ถึงแม้เรตราคาโฆษณาในช่วงละครจะสูงกว่าทุกคอนเทนต์ แต่เนื่องจากผู้ชมมีตัวเลือกให้ชมละครหลายเรื่องมากขึ้น ในแง่ของการขายสปอตโฆษณาจึงทำได้น้อย ไม่เต็มเวลา เพราะถูกเกลี่ยไปใช้ในช่องอื่นเรื่องอื่นๆ ด้วย อีกทั้งยังไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้อีก รายได้โฆษณาจากละครจึงอาจจะทำได้ไม่ดีอย่างที่ผ่านมา"
จากสถานการณ์ละครแข่งขันสูงที่กำลังเกิดขึ้นนี้ "ข่าว" จึงกลายเป็นคอนเทนต์รองลงมาที่จะถูกนำมาขยายผลเพื่อสร้างรายได้ทดแทนในส่วนที่หายไปจากละคร เพราะ "ข่าว" ถือเป็นคอนเทนต์อันดับสองที่มีเรตติ้ง ผู้คนสนใจ และเป็นคอนเทนต์ที่ไม่อิงตามความนิยมของดารานักแสดง แต่อิงจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เป็นกระแส น่าสนใจ และเป็นที่จับตาจากประชาชน
ส่งผลให้ปัจจุบันพบว่าในแต่ละวันมีรายการข่าวจาก 15 ช่องรวมกันไม่ต่ำกว่า 65-75 รายการ เฉลี่ยช่องละ 4-5 รายการ ซึ่งไม่รวมรายการข่าวแบบแฟลชนิวส์ หรือข่าวต้นชั่วโมง ขณะที่รายการข่าวที่มีเรตติ้งสูงสุดยังเป็นช่วงข่าวภาคค่ำ จาก 2 ช่องหลัก คือ ช่อง 3 และช่อง 7 ตามติดมาด้วย ทุบโต๊ะข่าว และไทยรัฐนิวโชว์ หรือกล่าวได้ว่ารายการข่าวช่วงไพรม์ไทม์จะเป็นกลุ่มที่มีเรตติ้งสูงสุด แต่ทั้งนี้เรตราคารายการข่าวที่มีเรตติ้งสูงสุดก็ยังมีราคาโฆษณาถูกกว่าละครช่วงไพรม์ไทม์ประมาณ 50%
นายภวัต กล่าวด้วยว่า ความเคลื่อนไหวของรายการข่าวช่วงนี้ที่หลายช่องหันมาให้ความสำคัญนั้น โดยเฉพาะช่อง 3 ในช่วงสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมา ในมุมมองของเอเยนซีที่ซื้อสื่อโฆษณามองว่าเป็นเพียงการรวมพลังรายการข่าว จับมารวมกันทั้งหมดเพื่อดึงเรตติ้งให้เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เป็นเพียงการเอาของเก่ามาเล่าใหม่ ผู้ประกาศข่าวก็ชุดเดิม รายการเหมือนเดิม เพียงดึง 2 รายการข่าว คือ โหนกระแส และข่าวนอกลู่ จากช่อง 28 มาใส่เพิ่ม ทั้งนี้ พบว่าในแง่ของราคาโฆษณาของ 2รายการนี้ยังไม่มีสัญญาณปรับขึ้นแต่อย่างใด ยังคงใช้เรตราคาเดิมอยู่
**ศึก “ข่าว” กระหึ่ม รุมชิงเค้ก 1.5 หมื่นล้าน**
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสสี่นี้ถือเป็นอีกช่วงหนึ่งที่ทีวีดิจิทัลจะมีการปรับผังรายการใหม่ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าคอนเทนต์ที่ถูกปรับเปลี่ยนมากสุดคือรายการข่าว กับการคาดหวังเพื่อชิงเม็ดเงินโฆษณามูลค่า 15,000 ล้านบาท
และการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด คือช่องโมโน 29 เพิ่มข่าวเป็น 25% หรือเป็นคอนเทนต์อันดับสองในการสร้างรายได้ รองจากหนังและซีรีส์ โดยนายบรรณสิทธิ์ รักวงษ์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่องโมโน 29 เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน ก.ย เป็นต้นไป ช่องโมโน 29 จะมีการปรับผังรายการใหม่ โดยยังคงคอนเซ็ปต์หนังดีซีรีส์ดังในสัดส่วน 70% และเพิ่มรายการข่าวเข้ามาเป็นสัดส่วน 25% ด้วยการปรับรูปแบบการนำเสนอใหม่เพิ่มความเข้มข้นของเนื้อหา โดยจะใช้วิธีการอ่านข่าวเป็นเล่าข่าว ให้เข้าใจง่าย และที่สำคัญการเลือกข่าวที่มานำเสนอในสไตล์ของช่องที่ไม่เหมือนกับช่องอื่นๆ ในตลาด ส่วนที่เหลือ 5% เป็นรายการบันเทิง ที่ทางช่องผลิตเองและการถ่ายทอดสดกีฬา
"หลังจากนี้ ช่องโมโน 29 ขอสร้างเกมของตัวเอง ด้วยการเลือกที่จะไม่เสนอข่าวดุเดือดเลือดพล่าน แต่จะเน้นเนื้อหาที่เป็นสารประโยชน์ โดยใช้การสื่อสารให้เข้าใจง่าย สร้างแรงบันดาลใจ เพราะอยากสร้างแนวทางใหม่ๆ ในการนำเสนอข่าว โดยจะพยายามทำข่าวที่เข้าถึงได้ง่าย รับรู้และเข้าใจอย่างง่ายเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันจะไม่ทิ้งข่าวสำคัญที่คนจำเป็นต้องรู้ ยังคงต้องมีอยู่ แต่ต้องตอบโจทย์ให้คนดูได้สารประโยชน์จากทุกๆ เนื้อหาข่าวที่นำเสนอ”
สำหรับรายการข่าวบนผังรายการใหม่ของช่องโมโน 29 มีทั้งหมด 5 รายการต่อวัน ประกอบด้วย 1. เปิดโลกวันใหม่ welcome world เวลา 03.00-05.00 น. 2. กระแสโลก World news เวลา 05.00-05.30 น. 3. ข่าวเช้า Good Morning Thailand 05.30-07.30 น. ซึ่งได้ "ต๊ะ-พิภู พุ่มแก้วกล้า" เข้ามาเสริมทีม จากที่เคยเป็นผู้ประกาศข่าวเช้าของทางช่อง 3 มาก่อนหน้านี้ 4. เจาะข่าวเด็ด The Day News Update เวลา 15.20-15.45 น. และ 5. ข่าวต้นชั่วโมง
ตามมาด้วยช่อง 5 กับการปรับผังรายการ 3 เดือนสุดท้าย ก่อนพลิกโฉมใหม่ปี 2563 ชูความเป็นทีวีบริการสาธารณะเพื่อความมั่นคง ด้วยแนวคิด “ข่าวครบเข้ม สาระเต็มหลากรส สดร้อนออนไลน์ หนัง-ซีรีส์ โดนใจ" โดยพลเอก กิตติเชษฐ์ ศรดิษฐพันธ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก กล่าวถึงผังรายการใหม่ในไตรมาสสี่นี้ว่า จะชูซีรีส์เป็นคอนเทนต์หลัก ตามด้วยการเพิ่มข่าวเป็นคอนเทนต์รองลงมา รวมถึงขยายรายการเด็ก เสริมด้วยหนังดังเพื่อดึงเรตติ้ง
โดยเฉพาะรายการข่าวนั้นจะอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ข่าวครบเข้ม" ประกอบด้วย 1. สนามเป้าเล่าข่าว จันทร์-ศุกร์ เวลา 05.30-06.30 น. 2. ข่าวภาษาอังกฤษ “Weekly News Thailand” 3. ฮาร์ดคอข่าว จันทร์-ศุกร์ เวลา 18.20-18.50 น. 4. จับประเด็นข่าวร้อน จันทร์-พฤหัสบดี เวลา 22.00-22.30 น. 5. ทันข่าว (ข่าวต้นชั่วโมง) กับ 4 ช่วงเวลา ได้แก่ 11.00 น., 14.00 น., 15.00 น. และ 16.00 น. เป็นต้น เฉลี่ยรวมเวลารายการข่าวตลอดทั้งวันกว่า 300 นาที
ในช่วงสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมา ช่อง 3 พร้อมขยับตัวจัดทัพรายการข่าว เพิ่ม 2 รายการข่าวจากช่อง 28 คือ โหนกระแส และข่าวนอกลู่ มาลงผังช่อง 3 หมายเลข 33 โดยตั้งเป้าทุกรายการข่าวจะต้องมีเรตติ้งขึ้นเป็นอันดับ 1 ของช่วงเวลานั้นๆ ให้ได้
ทั้งนี้ นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวไว้ว่า หลังคืน 2 ช่อง และเหลือ 1 ช่อง จากนี้ช่อง 3 จะมุ่งสร้างความแข็งแกร่ง เริ่มตั้งแต่คอนเทนต์ข่าวเป็นอันดับแรก โดยได้นำ 2 รายการจากช่อง 28 มาออกอากาศทางช่อง 3 คือ โหนกระแส และข่าวนอกลู่ ส่งผลให้ต่อวันช่อง 3 มีรายการข่าวกว่า 7รายการ และเสาร์อาทิตย์อีก 2 รายการ โดยตั้งเป้าหมายให้ทุกรายการมีเรตติ้งเป็นอันดับ 1 ของช่วงเวลานั้นๆ ให้ได้ในอนาคต
สำหรับวันจันทร์-ศุกร์ มี 7รายการ ได้แก่ 1. ครอบครัวข่าว 3 เวลา 04.30 น. 2. เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง เวลา 05.30 น. 3. เรื่องเล่าเช้านี้ เวลา 06.00 น. 4. เที่ยงวันทันเหตุการณ์ เวลา 11.15 น. 5. เรื่องเด่นเย็นนี้ 15.45 น. 6. ข่าวในพระราชสำนัก เวลา 20.00 น. และ 7. ข่าว 3 มิติ เวลา 22.30 น. ซึ่งมีเพียง 3 รายการที่มีเรตติ้งในกลุ่มข่าวเป็นอันดับหนึ่ง คือ ครอบครัวข่าว 3 เรตติ้ง 0.502 เที่ยงวันทันเหตุการณ์ เรตติ้ง 1.161 และเรื่องเด่นเย็นนี้ เรตติ้ง 1.186 ส่วนรายการข่าวในวันเสาร์-อาทิตย์ มี 2 รายการ คือ 1. เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ เรตติ้ง 2.151 และ 2. ข่าวเด่นเย็น เสาร์อาทิตย์ เรตติ้ง 1.712 ซึ่งทั้งสองรายการมีเรตติ้งเป็นอันดับ 1 อยู่แล้ว
ล่าสุดปิดท้ายสัปดาห์ก่อนด้วยช่อง GMM25 กับการดึง “จุ๋ม นพขวัญ” จากช่อง 3 เข้ามาเสริมทีมข่าว GMM25 พร้อมแท็กทีม “หนุ่ย จักรเพชร” กับรายการ ข่าวเย็น 25 เริ่มออกอากาศ 1 ตุลาคมนี้
"จุ๋ม-นพขวัญ นาคนวล” หรือ “จุ๋มปอยเด้ง” เปิดเผยว่า การเข้ามาร่วมงานกับทางช่อง GMM25 ครั้งนี้จะได้เห็นอะไรแปลกใหม่ สิ่งใหม่ๆ แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในการทำงาน กับรายการ ‘ข่าวเย็น 25’ จะเป็นรูปแบบการเล่าข่าวในสไตล์ ‘คนข่าวชาวบ้าน’ พร้อมลงทุกพื้นที่เพื่อรายงานสด นำเสนอทุกเรื่องเด็ด สถานการณ์สำคัญๆ กับช่วง ‘จุ๋มลุยเอง’ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ชมมากยิ่งขึ้น และครอบคลุมขยายออกไปยังต่างจังหวัดอีกด้วย พร้อมเสิร์ฟข่าวที่มีสาระ ความรู้และเป็นประโยชน์ตามกระแส แต่เป็นกระแสในรูปแบบที่มันแตกต่างออกไปจากที่เคยเห็นมา ถือเป็นมิติใหม่ของการเปลี่ยนแปลงของช่อง GMM25 กับปรากฏการณ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้น
ขณะที่ภาพรวมของช่อง GMM25 มีรายการข่าวทั้งหมด 6 รายการ ได้แก่ 1. เจาะข่าวเช้านี้ เวลา 06.00-07.00 น. 2. ข่าวเที่ยง 25 เวลา 12.00-14.00 น. 3. คุยข่าวซอกแซกเวลา 15.15-16.15 น. 4. ข่าวเย็น 25 เวลา 16.15-18.00 น. โดยได้ผู้ประกาศข่าวใหม่ คือ “จุ๋ม-นพขวัญ นาคนวล” เจ้าของฉายา “จุ๋มปอยเด้ง” เข้ามาเสริมทัพ ดำเนินรายการร่วมกับ “หนุ่ย-จักรเพชร กุนทอง” ฉายา “จักรเพชร 7 ย่านน้ำ” มาร่วมทีม ตามด้วย 5. JKN-CNBC ข่าวต่างประเทศในรอบโลกเที่ยงและเย็น และ 6. ดาราแลนด์ กับข่าวบันเทิง