เวลาประชุมบอร์ดบริหาร อะไรที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ ยังต้องลุกออกจากห้อง แต่การเมืองแบบไทยๆ นอกจากจะไม่ลุก และยกมือขอเข้ามาควบคุมกระทรวงและกำกับคู่แข่งเอง ทำเอาสุ่มเสี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน เกิดคำถามจากสังคม ถึงการเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจครอบครัว ซึ่งความขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม (Conflict of interest: COI) เป็นประเด็นปัญหาทางการบริหารภาครัฐในปัจจุบันที่เป็นบ่อเกิดของปัญหาตามมามากมาย แต่ก็ยังมีให้เห็นในการเมืองแบบไทยๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกตั้งคำถาม
ต้องถือได้ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล ผู้เป็นทายาทรุ่นที่สองของ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่มีรายได้เป็น 1 ใน 3 ของประเทศ นอกจากจะเป็นที่รู้จักในนามผู้บริหารที่เปลี่ยนโฉมหน้าซิโน-ไทยฯ จนกลายเป็นบริษัทก่อสร้างที่มีศักยภาพเทียบเท่าบริษัทชั้นนำของประเทศแล้ว เขายังเป็นที่รู้จักในนามนักการเมืองหนุ่มที่มีอนาคตรุ่ง จนมีคำร่ำลือว่าเขามีบารมีมากพอที่วันนี้ประกาศแบล็กลิสต์คู่แข่งเบอร์หนึ่งและสองอย่าง อิตาเลียนไทย และ ช.การช่าง ไม่ให้ประมูลงานรัฐอีกต่อไป หากไม่ยอมลงนามไฮสปีดเทรนด์ 3 สนามบิน ทั้งที่การส่งมอบพื้นที่ยังไม่ลงตัว ถือว่าเข้าทางซิโนทัยเต็มๆ
ตัวอย่างหนึ่งคือ การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มวงเงินรวม 1.4 แสนล้าน ภายในปีนี้ – ซิโนไทย จองประมูล ฟุ้งรายได้ปีนี้โต 20%
รฟม.ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม – นายภคพงษ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนารถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ และงานระบบรถไฟฟ้าตลอดเส้นทาง ช่วงมีนบุรี-บางขุนนนท์ วงเงินรวม 1.4 แสนล้านบาทว่า ขณะนี้เรื่องอยู่ที่คณะกรรมการพีพีพี โดยรอให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีประชุมนัดแรกเพื่อพิจารณา คาดว่าจะนำเสนอโครงการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเร็วๆ นี้ และจะเปิดประมูลได้ภายในปีนี้ คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการเปิดให้บริการ
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC กล่าวว่า บริษัทฯ จะร่วมกับพันธมิตรรายเดิมคือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS, ซิโนไทย และบริษัท ราชกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เข้าร่วมประมูลในโครงการ งานก่อสร้างระบบราง รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ และงานระบบรถไฟฟ้าตลอดเส้นทาง ช่วงมีนบุรี-บางขุนนนท์ และรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 รวมอีก 7 โครงการ คาดว่าจะชิงส่วนแบ่งได้ราว 20%
นอกจากนี้ ยังรอฟังผลประมูล งานติดตั้งระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและบำรุงรักษา (O&M) โครงการมอเตอร์เวย์ 2 สาย คือ บางปะอิน-นครราชสีมา 196 กิโลเมตร (ก.ม.) และบางใหญ่-กาญจนบุรี 96 ก.ม. มูลค่าราว 6 หมื่นล้านบาท ของกรมทางหลวง รวมไปถึงโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่ากว่า 2.9 แสนล้านบาท ของกองทัพเรือ
นายภาคภูมิกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (แบ็กล็อก) มูลค่าสูงถึง 9.5-9.6 หมื่นล้านบาท และจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 3.2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะทำให้ราไยด้ปีนี้เติบโตราว 15-20% ส่วนในปีหน้าจะรับรู้รายได้อย่างต่ำ 30,000 ล้านบาท ต้องเรียกว่า ซิโนทัยใต้ร่มชาญวีรกูล ช่างสดใส ก้าวไกลจริงๆ