EA คาดลงนามสัญญาโครงการโซลาร์ลอยน้ำพ่วงแบตเตอรี่ที่เวียดนามในไตรมาส 4 นี้ พร้อมเจรจาโซลาร์ฟาร์มที่พม่ากว่า 100 เมกะวัตต์ คาดได้ข้อสรุปปี 63 ฟุ้งรับออเดอร์ผลิตรถบัส-รถบรรทุกไฟฟ้า
นางออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยความคืบหน้าในการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติมว่า ช่วงไตรมาส 4/62 บริษัทจะลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) โครงการโซลาร์ลอยน้ำพ่วงด้วยแบตเตอรี่ในประเทศเวียดนาม
รวมทั้งอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มพ่วงด้วยแบตเตอรี่ที่ประเทศพม่า ขนาดกำลังการผลิตหลัก 100 เมกะวัตต์ขึ้นไป คาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนในปี 2563
ส่วนผลประกอบการในปี 2562 คาดว่ารายได้และกำไรทุบสถิติใหม่ เนื่องจากว่าจะรับรู้รายได้จากจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมาน จ.ชัยภูมิ ขนาด 260 เมกะวัตต์ เต็มปี ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตที่ COD จำนวน 664 เมกะวัตต์
“บริษัทได้แสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่องหลังจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือราว 664 เมกะวัตต์นั้นได้จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ครบหมดแล้ว การลงทุนโรงไฟฟ้าโครงการใหม่จะเน้นเป็นโครงการที่พ่วงด้วยแบตเตอรี่ ซึ่งในเบื้องต้นเรายังได้ผลิตเองก็จะนำแบตเตอรี่ของพันธมิตรมาใช้ก่อน”
ส่วนความคืบหน้าในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าของคนไทย 100% ภายใต้ยี่ห้อ MINE Mobility นั้น อยู่ระหว่างสร้างโรงงานประกอบ โดยปัจจุบันนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรการผลิต และจัดเตรียมชิ้นส่วนต่างๆ ไว้แล้ว มั่นใจว่าโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าจะแล้วเสร็จต้นปีหน้า พร้อมดำเนินการผลิตแล้วทยอยส่งมอบได้ตามแผน 4,500 คันในเดือน มี.ค. 2563 อย่างไรก็ตาม โรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าของ EA นั้นรองรับกำลังการผลิตได้กว่า 10,000 คันต่อปี
นอกจากนี้ ล่าสุด EA ยังได้จัดตั้งบริษัท อีวี นาว จำกัด (EV Now) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถบรรทุกไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า โดย EA ถือหุ้น 74.98% ขณะนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาบ้างแล้วทั้งที่เป็นรถบัสไฟฟ้า และรถบรรทุกไฟฟ้า
ขณะที่การลงทุนโครงการผลิตและติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ (EV Charging) ภายใต้แบรนด์ EA Anywhere ปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 400 สถานี คาดว่าสิ้นปีนี้จะดำเนินการติดตั้งได้ประมาณ 600-700 สถานี และดำเนินการครบ 1,000 สถานีในปีถัดไป โดยในบางจุดคิดค่าบริการในลักษณะเป็นค่าจอดรถชั่วโมงละ 50 บาท บางจุดก็ให้ชาร์จไฟฟ้าฟรี แต่ในอนาคตจะมีการเก็บค่าบริการชาร์จไฟฟ้าตามราคาที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดแล้วแบ่งเป็นกำไรให้กับพันธมิตรในสัดส่วน 20% ทำให้การติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสามารถคืนทุนและเริ่มมีกำไรในปี 2563
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่นั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ เฟส 1 ขนาด 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมง และเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ไตรมาส 2/63 โดยในเฟสแรกใช้เงินลงทุนราว 5,000 ล้านบาท