ผู้จัดการรายวัน360- ช่อง3ตั้งธง ดันรายการข่าวทวงบัลลังก์ทุกช่วง หลังเหลือช่อง33เพียงช่องเดียว เฟสแรกปรับโฉมฉากใหม่ 3รายการ Q4ปรับใหม่ยกแผง หวังรายการข่าวกลับมาทำรายได้มากกว่า 10%เท่ายุครุ่งเรืองอีกครั้ง จากปัจจุบันทำได้หลักเดียว
นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีทีวี ช่อง 33HD เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป หลังจากการยุติออกอากาศทีวีดิจิทัล2ช่องของบริษัท คือ ช่อง13แฟมิลี่ และช่อง28 ทำให้ช่อง3 เหลือเพียงช่องเดียว คือช่อง33HD ซึ่งจากนี้จะมุ่งบริหารรายการทั้งหมดให้มีความแข็งแกร่งและแข่งขันได้
"ภายหลังจากที่เราคืนช่องดิจิทัลไปแล้ว ถือเป็นช่วงทรานฟอร์มช่อง33ใหม่ จะเน้นรายการข่าวก่อนเริ่มวันที่ 1 ต.ค.62 นี้ โดยภายในไตรมาสสี่จะปรับให้ครบทุกรายการ จากนั้นต้นปีหน้าจะเริ่มโฟกัสที่ละครและรายการวาไรตี้ต่อไป"
โดยเริ่มต้นจากรายการข่าว ซึ่งพบว่าเกือบทุกรายการมีเรตติ้งเป็นผู้นำของช่วงเวลานั้นๆ รวมแล้วกว่า 10-12 รายการ โดยเฟสแรกจะทำการปรับโฉม เปลี่ยนฉากใหม่ 3รายการ คือ เที่ยงวันทันเหตุการณ์, เรื่องเด่นเย็นนี้ และข่าว3มิติ หลังจากนั้นในเฟส4 จะปรับให้ครบทุกรายการ
"การปรับรายการข่าวใหม่จะต้องมีโพซิชั่นนิ่งชัดเจนขึ้น นำเสนอความจริง ทันเหตุการณ์ พึ่งพาได้ ใกล้ชิดผู้ชม ตอบสนองผู้ชมได้มากที่สุด โดยจะเน้น3กลุ่มข่าวมากขึ้น คือ อาชญากรรม สังคม บันเทิง เอาผู้บริโภคเป็นตัวตั้ง ภายใต้เป้าหมายการเป็น อันดับ1 รายการข่าวทุกช่วงบนทุกแพลตฟอร์ม และจะเน้นออนไลน์มากขึ้น จากฐานสมาชิกที่ติดตามรวมกว่า 14 ล้านคนบนช่องทางออนไลน์ ด้วยจำนวนบุคลากรด้านข่าวกว่า 200 คน ผู้ประกาศข่าว 50 คน ภายใต้โต๊ะข่าวรวมเป็นโต๊ะเดียว จาก 9โต๊ะ เพื่อการจัดการที่ดีขึ้น"
ทั้งนี้ยังได้นำ 2 รายการข่าว ที่มีเรตติ้งจากช่อง28 มาออกอากาศที่ช่อง33 คือ โหนกระแส และข่าวนอกลู่ ซึ่งการย้ายมาช่อง33 ครั้งนี้ เป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มากขึ้น ดังนั้นในแง่ราคาโฆษณาจะมีการปรับใหม่เช่นกัน ซึ่งในภาพรวมทำให้กลุ่มรายการข่าวมีสัดส่วน 20% ของรายการทั้งหมด และทำรายได้เป็นตัวเลข 1หลักให้กลับช่อง3 ซึ่งคาดหวังว่าการปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ จะทำให้รายการข่าวกลับมาทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 10% เช่นครั้งที่เคยทำรายได้ไว้สูงสุดในช่วงที่ผ่านมา
นายอริยะ กล่าวให้ความเห็นด้วยต่อว่า การคืนช่องทีวีดิจิทัลในครั้งนี้ มองว่าจะเป็นการเพิ่มการแข่งขันที่ดีขึ้น เพราะเหลือกันเพียง 10 กว่าช่องเท่านั้น ช่อง3เองจะมีความคล่องตัวขึ้นและจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากที่กลับมาเหมือนเดิมคือมีเพียงช่องเดียวเท่านั้เอง ซึ่งจากนี้จะเริ่มเห็นรายได้จากธุรกิจใหม่ๆเข้ามาเพิ่มด้วย อย่างเช่น ออนไลน์และต่างประเทศมากขึ้นในปีหน้า เป็นต้น.