xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิรัตน์” เร่งจัดระเบียบชนิดน้ำมัน คิวต่อไป “แก๊สโซฮอล์” รอสรุปสิ้นปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กระทรวงพลังงานเตรียมจัดระเบียบประเภทน้ำมันหลังทิศทางกลุ่มดีเซลชัดเจนที่กำหนดดีเซลบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐาน เริ่ม 1 ม.ค. 63 เพื่อหนุนราคาปาล์มแล้ว คิวต่อไปเตรียมจัดระเบียบกลุ่มเบนซินที่เกี่ยวข้องกับเอทานอลเพื่อดูแลราคาอ้อย มันฯ คาดสิ้นปีนี้ได้ข้อสรุป ขณะที่ร่างแผน AEDP 2018 หั่นเป้าการใช้เอทานอลเหลือ 6.6 ล้านลิตรต่อวัน ไบโอดีเซลเหลือ 8 ล้านลิตรต่อวันมองรถอีวีมาก ด้านเอกชนรุมต้าน แนะยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ภายในสิ้นปีนี้

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 11 ก.ย. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแนวทางส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ของประเทศด้วยการขยายส่วนต่างราคาดีเซลหมุนเร็วบี 10 ให้ต่ำกว่า บี 7 ที่ 2 บาทต่อลิตร และลดส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมัน บี 20 ให้ต่ำกว่าน้ำมัน บี7 ที่ 3 บาทต่อลิตร มีผล 1 ตุลาคม 2562 พร้อมบังคับใช้บี 10 เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดพื้นฐาน เริ่ม 1 มกราคม 2563 และให้บี 7 และบี 20 เป็นน้ำมันทางเลือกไปแล้วนั้น จากนี้ไปก็จะมามองในเรื่องการศึกษาโครงสร้างในส่วนของกลุ่มเบนซินที่เกี่ยวข้องกับเอทานอลที่นำมาผสมเป็นแก๊สโซฮอล์ว่าจะดำเนินการส่งเสริมอย่างไรที่จะให้รายได้นั้นตกถึงมือเกษตรกร คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินสิ้นปีนี้

“การยกเลิกการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 แล้วให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 20 มาเป็นน้ำมันพื้นฐานแทนหรือไม่นั้นเราคงจะต้องมาดูในขั้นตอนต่อไปหลังจากที่ได้มีการทำในส่วนของไบโอดีเซลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็จะพยายามให้แล้วเสร็จเห็นภาพชัดในสิ้นปีนี้ว่าที่สุดแล้วน้ำมันของไทยจะเหลือกี่ประเภท ซึ่งยอมรับว่าปัจจุบันอาจจะมีมากเกินไป” นายสนธิรัตน์กล่าว

แหล่งข่าวจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า พพ.ได้มีการเปิดรับฟังความเห็นต่อร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2561-80 (AEDP-2018) เรียบร้อยแล้ว และเตรียมสรุปเพื่อนำเสนอ รมว.พลังงานเห็นชอบต่อไปเพื่อให้สอดรับกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2561-80 (PDP-2018) โดยแผนนี้จะคำนึงถึงทิศทางการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลในอนาคตหักลบด้วยแผนการอนุรักษ์พลังงาน และทิศทางที่รถยนต์จะก้าวไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) บวกกับ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กำหนดเลิกการสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพใน 3-7 ปี จึงปรับลดสัดส่วนเอทานอลและไบโอดีเซลลง ซึ่งแผน AEDP 2015 เดิมมีเป้าหมายส่งเสริมเอทานอลทั้งสิ้น 11.30 ล้านลิตรต่อวัน แผนใหม่จะเหลือ 6.6 ล้านลิตรต่อวัน ไบโอดีเซลเดิมรวม 14 ล้านลิตรต่อวัน เหลือ 8 ล้านลิตรต่อวัน

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี ที่ปรึกษาสมาคมการค้าและผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวว่า แม้ว่าสมาคมฯ ไม่เห็นด้วยกับการปรับลดเป้าหมายดังกล่าว แต่หากรัฐยังคงยืนยันกับนโยบายนี้ก็คงต้องปฏิบัติตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องการเห็นคือการยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ให้เร็วที่สุดเพื่อสนับสนุนให้อี 20 (เบนซินผสมเอทานอล 20%) เป็นน้ำมันพื้นฐานหลักและที่เหลือเป็นพลังงานทางเลือกเช่นเดียวกับบี 10 เพื่อเพิ่มการใช้เอทานอลที่ผลิตจากอ้อย และมันสำปะหลัง รายได้ตกแก่เกษตรกร และสำคัญคือเอทานอลเป็นพลังงานสะอาดที่ผลิตได้ในประเทศ

“ระหว่างที่รอรถอีวีซึ่งคงจะมาอีก 10 ปีข้างหน้าก็ควรส่งเสริมเอทานอลที่เป็นพลังงานที่ไทยผลิตได้เองหรือไม่ และหากจะให้แฟร์กลุ่มเบนซินวันนี้ที่ถูกเก็บเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถอุดหนุนกันเองได้ แต่วันนี้รัฐเอาไปหนุนฟากของไบโอดีเซล” นายสิริวุทธิ์กล่าว

แหล่งข่าวจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้เข้าพบ รมว.พลังงาน และประเด็นหนึ่งที่ได้เสนอคือต้องการให้รัฐยกเลิกการใช้แก๊สโซฮฮล์ 91 ภายในสิ้นปีนี้และให้สนับสนุนอี 20 เป็นน้ำมันพื้นฐานหลักแทน เพราะขณะนี้การใช้อี 20 มีหมดเกือบทุกสถานีบริการน้ำมันอยู่แล้วจึงไม่ได้เป็นปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม ต้องการให้รัฐมองให้รอบด้านเพราะรถอีวีนั้นใช้ไฟฟ้า ซึ่งการผลิตไฟฟ้าบางส่วนก็ใช้น้ำมันและถ่านหินก็ไม่ใช่เชื้อเพลิงสะอาด แม้จะใช้ก๊าซธรรมชาติซึ่งสะอาดแต่ก็พึ่งพิงการนำเข้าในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น