ผู้จัดการรายวัน 360 - ทำตลาดเพียง 5 ปี 'นีออน ไวท์' เข้าตาเกาหลี ขอร่วมทุน ผุดโรงงาน ตีตลาดเกาหลีจริงจัง คาดอนาคตขึ้นแท่นแบรนด์ชั้นนำในเกาหลี ส่วนในปีนี้รายได้โตเท่าตัวสู่ 500 ล้านบาท หลังร่วมทุนมั่นใจปีหน้าทะลุ 1,000 ล้านบาท
นายธนกฤต โรจนตรีภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีออน ไวท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งสกินแคร์แบรนด์ “นีออน” เปิดเผยว่า นีออนทำตลาดมา 4-5 ปี ถือเป็นแบรนด์สกินแคร์น้องใหม่ที่เติบโตเร็วมาก จากปีแรกหลักสิบล้านบาท 1-2 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 200-300 ล้านบาท ผลของความสำเร็จเกิดจากคุณภาพสินค้า และการตลาด ที่ใช้กลยุทธ์บอกต่อผ่านโลกโซเชียล จากการใช้จริงของผู้บริโภคที่มาจากหลากหลายอาชีพ ไม่ใช่ดาราอย่างแบรนด์อื่น รวมถึงระบบการขายที่เน้นเฉพาะรูปแบบตัวแทนจำหน่ายที่ขายเฉพาะในช่องทางออนไลน์เท่านั้น
จากความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทางเกาหลีสนใจในตัวแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของนีออน ส่งผลให้ล่าสุดในปีนี้บริษัทได้ตกลงร่วมทุนกับบริษัท ฮวาชินเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ในเกาหลี ดำเนินธุรกิจทางด้านซัปพลายเชนผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งสนใจในเรื่องของธุรกิจด้านความงาม เครื่องสำอาง และสกินแคร์ ในการจัดตั้งบริษัท นีออน ไวท์ (เกาหลี) จำกัด ขึ้นมาในประเทศเกาหลี โดยทางเกาหลีถือหุ้นในสัดส่วน 51% และทางไทยถือหุ้น 49% เพื่อเป็นฐานผลิตใหม่ และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์นีออนในเกาหลี
"ทางฮวาชินเทค โดยนางอี ยาง วัน ผู้อำนวยการบริษัท สนใจในเรื่องของธุรกิจความงาม บวกกับนีออนมีหลายสิ่งที่อี ยาง วัน มองเห็นโอกาสว่าสามารถทำตลาดในเกาหลีได้ การร่วมทุนนี้จึงเกิดขึ้น โดยหลังจากนี้ฐานการผลิตทั้งหมดของนีออนจะย้ายไปอยู่ที่เกาหลี จากปัจจุบันเป็นการจ้างผลิต ซึ่งทางฮวาชินเทคมีโรงงาน 2 แห่งที่เพิ่งเทกโอเวอร์มา โดยเป็นโรงงานผลิตด้านเครื่องสำอาง หลังจากนี้ 1 แห่งจะอยู่ภายใต้นีออน ไวท์ เกาหลี ที่จะผลิตผลิตภัณฑ์แบรนด์นีออนทั้งหมด รวมถึง OEM ให้แบรนด์อื่นในเกาหลีด้วย"
นายธนกฤต กล่าวต่อว่า ก้าวต่อไปของ "นีออน" จะชูความเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากสมุนไพรเกาหลีแท้ โดยในเกาหลีจะมีการทำตลาดแตกต่างจากไทย มีการใช้ไอดอลเกาหลี ซึ่งอาจจะรวมถึงการทำตลาดของไทยในอนาคตด้วย มั่นใจว่านีออนจะได้รับการตอบรับในตลาดเกาหลีเป็นอย่างดี
ส่วนตลาดในไทยนั้นยังคงทำตลาดต่อเนื่อง และยังคงเน้นการจำหน่ายผ่านระบบตัวแทนที่มีกว่า 10,000 รายในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังพร้อมบุกตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะ CLMV ภายใต้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 7 ชนิด คือ มาสก์, โลชั่น, เซรัม, เจล, ครีม, สบู่ และสครับ และหลังการร่วมทุนจะเพิ่มอีก 2 ตัว คือ เซรัมและครีม ขณะที่รายได้สิ้นปีนี้คาดว่าจะปิดที่ 500 ล้านบาท เติบโตเป็นเท่าตัว และในปีหน้ามั่นใจว่าจะเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท