กกพ.ประกาศผลการพิจารณาโครงการ “ERCSandbox” เฟสแรกแล้ว 34 โครงการ จากทั้งหมด 183 โครงการ ชี้แนวโน้ม “Energy Storage” มาแรงสุด ภาคเอกชนแห่ยื่นทดลองระบบการซื้อขายไฟกันเอง เตรียมยกเครื่องแนวทางการกำกับดูแล ประเมินผลกระทบ และวางมาตรการรับมือ คาดร่วมทำแผนปฏิบัติงานครบทั้ง 34 โครงการภายในสิ้นปีนี้เพื่อให้ทันทดสอบฯ ในปีหน้า หลังจากนั้นจะเปิดให้ยื่นเสนอ “ERC Sandbox” เฟส 2 ในปี 63
นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ในปีหน้า กกพ.เตรียมเปิดให้ยื่นเสนอโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการพลังงาน (ERC Sandbox) เฟส 2 เนื่องจากเทคโนโลยีพลังงานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นเพราะมั่นใจว่าภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาจะมีแนวคิดใหม่ในการพัฒนาเทคโนโลยี และ กกพ.ต้องการเรียนรู้ไปพร้อมกันเพื่อจะได้มีการปรับปรุงกฎระเบียบในการส่งเสริมโครงการ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะประกาศโครงการ ERC Sandbox เฟส 2 ได้ภายในปี 2563 หลังจาก กกพ.ติดตามประเมินผลการทดสอบโครงการ ERC Sandbox เฟสแรกมาระยะหนึ่ง
สำหรับโครงการ ERC Sandbox ในเฟสแรกมีผู้ผ่านการพิจารณาและได้รับสิทธิเข้าร่วมในโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการพลังงาน (ERC Sandbox) จำนวน 34 โครงการ จากการยื่นข้อเสนอทั้งสิ้น 183 โครงการ แบ่งเป็นโครงการทดสอบนวัตกรรม 3 อันดับแรก คือโครงการทดสอบเกี่ยวกับเก็บกักประจุไฟฟ้า (Battery Storage) สูงสุดจำนวน 9 ราย รองลงมาคือ โครงการทดสอบเกี่ยวกับการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันโดยไม่ผ่านระบบจำหน่าย (Peer to Peer Energy Trading & Bilateral Energy Trading) จำนวน 8 ราย และโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กไม่ผ่านระบบจำหน่าย (Micro Grid) จำนวน 6 ราย ตามลำดับ
ขั้นตอนต่อไป ทางสำนักงาน กกพ.จะร่วมโครงการที่ได้รับสิทธิทั้ง 34 ราย จัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกัน (Action Plan) จนได้ข้อสรุปจึงจะมีการลงนามในหนังสือยืนยันการเข้าร่วมโครงการระหว่างกัน โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จทั้ง 34 โครงการภายในสิ้นปี 2562 และจะเริ่มดำเนินการทดสอบได้ในต้นปีหน้า โดยมีระยะเวลาทดสอบแต่ละโครงการไม่เกิน 3 ปี ถ้าเป็นโครงการที่ดี ทาง กกพ.จะปรับปรุงกฎกติกาให้เหมาะสมหรือออกกฎระเบียบใหม่ในภาพรวม และหากกฎกติกาใหม่ต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นต้องมาพิจารณา ซึ่งมีทีมงานที่ดูเรื่อง Action Plan อยู่แล้ว
ที่ผ่านมาโครงการ ERC Sandbox เฟสแรกที่เปิดรับยื่นข้อเสนอเป็นครั้งแรกได้รับความสนใจมากจากทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการพลังงานเอกชน รัฐวิสาหกิจ สถาบันอุดมศึกษา บ่งชี้ถึงความตื่นตัวในการที่จะรับมือ และใช้ประโยชน์จาก Technology Disruptive ซึ่งในส่วนของสำนักงาน กกพ.เองก็จะใช้กระบวนการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อทบทวนและยกระดับกระบวนการกำกับดูแลในความรับผิดชอบเพื่อให้ภาคพลังงานพัฒนาได้อย่างดี และมีเสถียรภาพ
ในจำนวนผู้ยื่นโครงการทดสอบนวัตกรรมฯ มีผู้ยื่นโครงการ Peer to Peer Energy Trading & Bilateral Energy Trading สูงถึง 137 ราย จากทั้งหมด 183 ราย รวมไปถึงการยื่นโครงการที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โครงการผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลโดยไม่ต้องพึ่งพาระบบ (Microgrid) โครงการ Battery Storage ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากแนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านพลังงานทดแทนราคาถูกลง รวมทั้งเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มีความต้องการส่งผลให้มีความต้องการผลิตไฟฟ้าที่ลดการพึ่งพาระบบ และต้องการให้มีการเพิ่มการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งสำนักงาน กกพ.ยังคงต้องมีการพิจารณาสถานการณ์ที่เหมาะสม ทั้งในแง่ระยะเวลา และปริมาณการแข่งขันประกอบด้วย
นอกจากนี้ สำนักงาน กกพ.ยังพบว่าแนวโน้มของราคาเทคโนโลยีของระบบ Battery Storage ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจะเป็นโอกาส และจังหวะที่ดีในการสนับสนุนให้มีการพัฒนาในประเทศ และได้มีการอนุมัติโครงการที่เกี่ยวข้องในรอบนี้ถึง 9 โครงการ จากที่ยื่นมาทั้งหมด 11 โครงการ ในส่วนของการสนับสนุนนโยบายการเป็นศูนย์กลางการซื้อขายพลังงานในภูมิภาคอาเซียน หรือ Thailand Energy Hub ของรัฐบาล และแนวทางการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ยังได้มีการพิจารณาอนุมัติโครงการสนับสนุนธุรกิจการค้าก๊าซธรรมชาติผ่านสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวเพื่อเพิ่มการแข่งขันในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ผลักดันให้เกิดศูนย์กลางการซื้อขายก๊าซธรรมชาติในไทย คาดว่าจะส่งผลดีต่อราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าของประเทศถูกลงตามไปด้วย เนื่องจากใช้ประโยชน์จากคลังรับจ่ายแอลเอ็นจีได้อย่างเต็มที่