”ชาตรามือ-วราภรณ์”ผุดไดร์ฟทรู “พอร์โต้ โก”ลดอัตราเร่งสาขา

ผู้จัดการรายวัน360 – “ดี-แลนด์” แตะเบรก “พอร์โต้ โก” ลดอัตราเร่ง เหลือ 5 สาขาในปี 2564 เหตุต้องพัฒนาเพื่อหาโมเดลที่ลงตัวเหมาะสมที่สุด ดึงพันธมิตร2แบรนด์ไทย “ชาตรามือ—วราภรณ์ซาลาเปา” สร้างปรากฎการณ์ ผุดไดร์ฟทรูครั้งแรก

นายสุเทพ ปัญญาสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้บริหาร”พอร์โต ชิโน” และ “พอร์โต้ โก” เปิดเผยว่า จากแผนเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเปิดธุรกิจไลฟ์สไตล์มอลล์ ภายใต้แบรนด์ใหม่ “พอร์โต้ โก” (Porto Go) ที่เป็นจุดแวะพักรูปแบบใหม่ ให้ได้ครบประมาณ 20 สาขา ภายใน 5ปี (ตั้งแต่ปี 2560 – 2564 ) โดยเริ่มเปิดสาขาแรกที่พอร์โต้ โก บางปะอิน เมื่อปี 2561 และสาขา2ที่ท่าจีน สมุทรสาคร เดือนกรกฎาคม2562

อย่างไรก็ตาม คาดว่า ยังคงไม่สามารถทำได้ตามแผนงาน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจแต่อย่างใด เนื่องจากหลังจากที่เปิดไปแล้ว 2 สาขา บริษัทฯก็ยังคงต้องทำการพัฒนารูปแบบอยู่ต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากที่สุด ทั้งนี้เพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การพัฒนาการออกแบบเลย์เอาท์โครงการ การพัฒนาธุรกิจกับคู่ค้าแบรนด์ต่างๆที่จะเข้ามาเปิดบริการในพอร์โต้ โก เพื่อให้เกิดรูปแบบหรือโมเดลที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของตลาดมากที่สุด เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ



ขณะที่งบประมาณการลงทุนนั้นมีความพร้อมอยู่แล้ว กับการลงทุนเฉลี่ย 400 ล้านบาทต่อสาขา หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท จำนวน 20 สาขาตามแผนเดิม ส่วนโครงการ พอร์โต้ ชิโน่ มีสาขาเดียวที่ถนนพระราม2นั้นยังคงมีเพียงสาขาเดียว ซึ่งเป็นรูปแบบที่รองรับชุมชนในพื้นที่ย่านดังกล่าว แตกต่างจาก พอร์โต้ โก ที่เป็นจุดแวะพักการเดินทางที่รองรับกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มเดินทางธุรกิจ มีร้านค้าเฉลี่ย 10-15 แบรนด์ต่อสาขา พื้นที่เช่า 3,500 ตารางเมตร หรือ 15-20 ไร่ คืนทุนภายใน 7 ปีและส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เช่า

“การเปิด พอร์โต้ โก ซึ่งเป็นจุดแวะพักหรือเรสแอเรีย ถือเป็นโอกาสทางการตลาดและสร้างความแตกต่างจากค้าปลีกรูปแบบเดิม เพราะรถที่วิ่งตามท้องถนนไฮเวยมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นทุกวันไม่มีลดลง ซึ่งจากการเก็บข้อมูลของถนนสายหลักเชื่อมจังหวัดพบว่า มีรถยนต์วิ่งเฉลี่ย 14.8 ล้านคนต่อปี หรือ 40,000 คนต่อวัน เกือบทั้งหมดจะแวะจุดพักรถ เพื่อใช้บริการต่างๆ เช่น แวะพักผ่อน เพื่อ เติมความสดชื่นระหว่างเดินทาง รับประทานอาหาร ซื้อกาแฟ แต่มีเพียง 30% เท่านั้นที่แวะเติมน้ำมัน ซึ่งสาขาแรกที่บางปะอินมีพื้นที่เตรียมไว้แล้วแต่ยังไม่มีปั๊มน้ำมัน” นายสุเทพ กล่าว

โดยสาขา2ที่ท่าจีน พื้นที่ 23 ไร่ อยู่ที่ ต.บางโทรัด สมุทรสาคร ก่อนถึงวัดเกตุมวดีศรีวราราม มีปริมาณรถยนต์ผ่าน 1.2 แสนคันต่อวัน พื้นที่เช่า 3,500 ตารางเมตร มี 30 ร้านค้า เช่น ร้านวราภรณ์ซาลาเปาที่จะมีเมนูใหม่บริการ เช่น เบอร์เกอร์แป้งหมั่นโถวไส้ต่างๆ และร้านชาตรามือที่จะมีเมนูอาหารบริการด้วยเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นสองแบรนด์ไทยที่เปิดรูปแบบไดร์ฟทรูเป็นครั้งแรกในประเทศไทยในวันที่ 27 กันยายน และ 10 ตุลาคมนี้ ร้านอื่นเช่น สตาร์บัคส์ คาเฟ่อเมซอน เคเอฟซี และบริษัท เชฟรอน (ประเทศไทย) จำกัด ในการเปิดสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ ซึ่งจะเป็นสาขาที่ 3 บนถนนพระราม 2 เปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้น ตั้งเป้าผู้ใช้บริการ 4,000-5,000 คันต่อวันต่อสาขา ซึ่งสาขานี้ห่างจากพอร์โต้ ชิโน่ ประมาณ 15 กิโลเมตร



สาขาท่าจีนนี้ เน้นเจาะกลุ่มนักเดินทางที่ขับรถลงภาคใต้บนถนนพระราม 2 ซึ่งมีปริมาณการจราจร เฉลี่ยสูงถึงวันละ 1.2 แสนคัน โดยยังรักษาจุดเด่นในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เพื่อสร้างประสบการณ์ การพักผ่อนระหว่างการเดินทางที่แปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำติดแอร์พร้อมระบบสุขภัณฑ์แบบไร้การสัมผัส สถานีบริการน้ำมัน ร้านค้า ร้านอาหารมากถึง 30 ร้าน ที่มีทั้งร้านอาหารชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ ร้านของฝาก ร้านกาแฟ ร้านค้าแบรนด์ดัง รวมไปถึงบริการชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ และที่จอดรถมากกว่า 200 คัน พร้อมที่จอดรถทัวร์

นายสุเทพ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะชะลอการเปิดสาขาลงจากเดิม แต่คาดว่า อาจจะเปิดได้อีก3สาขาภายใน 2 ปีจากนี้หรือจะมีรวม 5 สาขา ภายในปี2564 และมีรายได้กลุ่มค้าปลีกเพิ่มอีก 50% จากปีนี้ที่ทำได้ประมาณ 100 ล้านบาท



ส่วนสาขาแรกที่ บางปะอิน ได้เปิดตัวโครงการแรกไปเมื่อปี 2560 ในชื่อ “พอร์โต้ โก บางปะอิน” ตั้งอยู่บนถนนสายเอเชีย กิโลเมตรที่ 4 ฝั่งขาออกจากกรุงเทพฯ ที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นจุดพักรถ 24 ชั่วโมง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักเดินทางที่ขับรถขึ้นภาคเหนือและภาคกลางตอนบน โดยมีจุดเด่นที่มีที่จอดรถ สะดวก ห้องน้ำติดแอร์ ร้านค้าของฝาก และร้านอาหารชื่อดัง อาทิ 7-eleven, amazon และร้านที่เปิดให้บริการไดร์ฟทรู อย่าง Starbucks, KFC, McDonald’s และ Dunkin ที่เป็นสาขาแรกในประเทศไทย

“ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ คือผู้บุกเบิกการนำบริการไดร์ฟทรูเข้ามาเป็นแม็กเน็ตในไลฟ์สไตล์มอลล์ ซึ่งเห็นได้จากทั้ง Starbucks, Dunkin, วราภรณ์ ซาลาเปา และชาตรามือ ซึ่งได้เปิดสาขาไดร์ฟทรูเป็นครั้งแรก และในอนาคตยังมี แผนขยายธุรกิจไปตามถนนสายหลักโดยรอบกรุงเทพฯ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเป็นจุดแวะพักสำหรับ นักเดินทางและลูกค้าทั่วไปที่ใช้บริการ” นายสุเทพ กล่าวทิ้งท้าย