กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ระดมความคิดเห็นจัดทำแนวทางการบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรม เน้นบูรณาการทุกภาคส่วน รองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะในอีอีซี และเตรียมพร้อมสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบอุตสาหกรรมของประเทศ เผยความต้องการใช้แหล่งหินอุตสาหกรรมในอีอีซี 25 ล้านตันต่อปี มั่นใจสำรองมีเพียงพอใช้ได้ไปอีก 10 ปี
นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยภายหลังปาฐกถาพิเศษแนวทางการบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรมยุค 4.0 รองรับเมกะโปรเจกต์และแผนการขับเคลื่อนประเทศ ในงานสัมมนาการบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรมยุค 4.0 จัดโดยกองบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรม กพร. ว่า กพร.มีภารกิจสำคัญในการจัดหาวัตถุดิบเพื่อป้อนสู่ภาคอุตสาหกรรม ตามบทบาทหน้าที่ของ กพร. และนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้มอบหมายให้ กพร. จัดหาวัตถุดิบให้แก่ภาคอุตสาหกรรม การสัมมนาครั้งนี้ก็เพื่อเป็นเวทีระดมความคิดเห็นถึงแนวนโยบายการบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรมของ กพร. ตลอดจนสะท้อนถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไขการขาดแคลนวัตถุดิบของภาคอุตสาหกรรม
สำหรับการจัดหาวัตถุดิบอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาประเทศในการพัฒนาโครงการเมกะโปรเจกต์ ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายใต้แผนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี (EEC) ในปี พ.ศ. 2560-2565 คาดว่าจะมีความต้องการใช้หินอุตสาหกรรมในภาพรวมสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามแผนอีอีซีประมาณ 100 ล้านตัน ประกอบด้วย การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางถนน ระบบคมนาคมขนส่งทางราง ระบบคมนาคมขนส่งทางน้ำและสนามบิน และระบบโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลความต้องการใช้หินอุตสาหกรรมสำหรับการใช้พื้นฐานของกลุ่มจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา พบว่ามีประมาณ 25 ล้านตันต่อปี ดังนั้น แหล่งหินอุตสาหกรรมที่มีในปัจจุบันของทั้ง 3 จังหวัด จำนวน 15 แหล่ง มีปริมาณแร่สำรองประมาณ 340 ล้านต้น จะสามารถรองรับความต้องการในพื้นที่ได้เป็นระยะเวลา 10 ปี
“กพร.ตระหนักดีถึงภารกิจสำคัญในการจัดหาวัตถุดิบอุตสาหกรรมให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศในระยะยาว จึงได้มีการเตรียมความพร้อมดำเนินงานนำร่องในการค้นหาแหล่งวัตถุดิบหินอุตสาหกรรมใหม่เพิ่มเติมภายในเขต 3 จังหวัดดังกล่าว จำนวน 3 แหล่ง โดยขั้นตอนต่อไปจะเป็นการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของชุมชน และกระบวนการพิจารณาอื่นๆ ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนการพิจารณาอนุญาตให้ทำเหมืองได้หรือไม่ต่อไป” นายวิษณุกล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ กพร.ได้จำแนกวัตถุดิบอุตสาหกรรมเป็น 3 ประเภท คือ (1) วัตถุดิบขั้นต้นที่ได้จากแหล่งธรรมชาติ (Natural Raw Materials) (2) วัตถุดิบทดแทน (Secondary Raw Materials - Recycling) โดยวัตถุดิบทั้ง 2 ประเภทนี้จะเป็นวัตถุดิบขั้นต้นที่ป้อนแก่อุตสาหกรรมต้นน้ำของโซ่อุปทานอุตสาหกรรมศักยภาพเป้าหมายและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างตามเมกะโปรเจกต์ และ (3) วัตถุดิบขั้นสูง (Advanced Raw Materials) จะเป็นวัตถุดิบที่เกิดจากการพัฒนาภารกิจใหม่ที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการผลิตวัตถุดิบให้มีคุณภาพสูงตามความต้องการของอุตสาหกรรมศักยภาพเป้าหมาย โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมในขั้นกลางน้ำและปลายน้ำ
นอกจากนี้ การสัมมนาในวันนี้ยังได้มีการเปิดมุมมองของผู้บริโภคซึ่งเป็นตัวแทนภาคประชาชนถึงทัศนคติและแนวคิดที่สร้างสรรค์ต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ซึ่งเป็นการประกอบการหลักในการจัดหาวัตถุดิบที่นำมาใช้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่ง กพร.ได้มีแนวทางการส่งเสริมการทำเหมืองแร่สมัยใหม่ที่ลดการใช้พลังงานหรือมีการใช้พลังงานทางเลือก มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการวางแผนงาน การปฏิบัติงานที่แม่นยำและมีความถูกต้องสูง และเป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม มีการจัดหาแหล่งวัตถุดิบอุตสาหกรรมที่เหมาะสมและมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจเพียงพอต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและของประเทศ
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ระดมความคิดเห็นจัดทำแนวทางการบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรม เน้นบูรณาการทุกภาคส่วน รองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะในอีอีซี และเตรียมพร้อมสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบอุตสาหกรรมของประเทศ เผยความต้องการใช้แหล่งหินอุตสาหกรรมในอีอีซี 25 ล้านตันต่อปี มั่นใจสำรองมีเพียงพอใช้ได้ไปอีก 10 ปี
นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยภายหลังปาฐกถาพิเศษแนวทางการบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรมยุค 4.0 รองรับเมกะโปรเจกต์และแผนการขับเคลื่อนประเทศ ในงานสัมมนาการบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรมยุค 4.0 จัดโดยกองบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรม กพร. ว่า กพร.มีภารกิจสำคัญในการจัดหาวัตถุดิบเพื่อป้อนสู่ภาคอุตสาหกรรม ตามบทบาทหน้าที่ของ กพร. และนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้มอบหมายให้ กพร. จัดหาวัตถุดิบให้แก่ภาคอุตสาหกรรม การสัมมนาครั้งนี้ก็เพื่อเป็นเวทีระดมความคิดเห็นถึงแนวนโยบายการบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรมของ กพร. ตลอดจนสะท้อนถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไขการขาดแคลนวัตถุดิบของภาคอุตสาหกรรม
สำหรับการจัดหาวัตถุดิบอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาประเทศในการพัฒนาโครงการเมกะโปรเจกต์ ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายใต้แผนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี (EEC) ในปี พ.ศ. 2560-2565 คาดว่าจะมีความต้องการใช้หินอุตสาหกรรมในภาพรวมสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามแผนอีอีซีประมาณ 100 ล้านตัน ประกอบด้วย การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางถนน ระบบคมนาคมขนส่งทางราง ระบบคมนาคมขนส่งทางน้ำและสนามบิน และระบบโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลความต้องการใช้หินอุตสาหกรรมสำหรับการใช้พื้นฐานของกลุ่มจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา พบว่ามีประมาณ 25 ล้านตันต่อปี ดังนั้น แหล่งหินอุตสาหกรรมที่มีในปัจจุบันของทั้ง 3 จังหวัด จำนวน 15 แหล่ง มีปริมาณแร่สำรองประมาณ 340 ล้านต้น จะสามารถรองรับความต้องการในพื้นที่ได้เป็นระยะเวลา 10 ปี
“กพร.ตระหนักดีถึงภารกิจสำคัญในการจัดหาวัตถุดิบอุตสาหกรรมให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศในระยะยาว จึงได้มีการเตรียมความพร้อมดำเนินงานนำร่องในการค้นหาแหล่งวัตถุดิบหินอุตสาหกรรมใหม่เพิ่มเติมภายในเขต 3 จังหวัดดังกล่าว จำนวน 3 แหล่ง โดยขั้นตอนต่อไปจะเป็นการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของชุมชน และกระบวนการพิจารณาอื่นๆ ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนการพิจารณาอนุญาตให้ทำเหมืองได้หรือไม่ต่อไป” นายวิษณุกล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ กพร.ได้จำแนกวัตถุดิบอุตสาหกรรมเป็น 3 ประเภท คือ (1) วัตถุดิบขั้นต้นที่ได้จากแหล่งธรรมชาติ (Natural Raw Materials) (2) วัตถุดิบทดแทน (Secondary Raw Materials - Recycling) โดยวัตถุดิบทั้ง 2 ประเภทนี้จะเป็นวัตถุดิบขั้นต้นที่ป้อนแก่อุตสาหกรรมต้นน้ำของโซ่อุปทานอุตสาหกรรมศักยภาพเป้าหมายและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างตามเมกะโปรเจกต์ และ (3) วัตถุดิบขั้นสูง (Advanced Raw Materials) จะเป็นวัตถุดิบที่เกิดจากการพัฒนาภารกิจใหม่ที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการผลิตวัตถุดิบให้มีคุณภาพสูงตามความต้องการของอุตสาหกรรมศักยภาพเป้าหมาย โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมในขั้นกลางน้ำและปลายน้ำ
นอกจากนี้ การสัมมนาในวันนี้ยังได้มีการเปิดมุมมองของผู้บริโภคซึ่งเป็นตัวแทนภาคประชาชนถึงทัศนคติและแนวคิดที่สร้างสรรค์ต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ซึ่งเป็นการประกอบการหลักในการจัดหาวัตถุดิบที่นำมาใช้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่ง กพร.ได้มีแนวทางการส่งเสริมการทำเหมืองแร่สมัยใหม่ที่ลดการใช้พลังงานหรือมีการใช้พลังงานทางเลือก มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการวางแผนงาน การปฏิบัติงานที่แม่นยำและมีความถูกต้องสูง และเป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม มีการจัดหาแหล่งวัตถุดิบอุตสาหกรรมที่เหมาะสมและมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจเพียงพอต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและของประเทศ