“เอสโซ่” เปิดตัวน้ำมันสูตรใหม่เทคโนโลยีซีเนอร์จี้พร้อมจำหน่ายแล้ว ชี้ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ทำให้สะอาดขึ้น 30% พร้อมเร่งขยายปั๊มเพิ่มเป็น 700 แห่งทั่วประเทศใน 2 ปีนี้ รักษาส่วนแบ่งตลาดน้ำมันอันดับ 3
นายมาโนช มั่นจิตจันทรา กรรมการและผู้จัดการฝ่ายการตลาดขายปลีก บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอสโซ่เปิดตัวน้ำมันสูตรใหม่เทคโนโลยี “ซีเนอร์จี้” ล้ำหน้าสุดจากเอ็กซอนโมบิลสำหรับน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลครอบคลุมทั้ง 6 สูตรที่จำหน่ายในสถานีบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถสอดรับกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เอสโซ่ยังครองส่วนแบ่งการตลาดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันอันดับ 3 ในไทยอยู่ที่ 13% คิดเป็นปริมาณการขายน้ำมันรวม 3.5 พันล้านลิตร/ปี
ดังนั้น บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายน้ำมันในปีนี้โตสูงกว่าภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยที่โต 2-3%
ด้านนายยอดพงศ์ สุตธรรม ผู้จัดการโปรแกรมการตลาด การตลาดน้ำมันภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด กล่าวว่า น้ำมันเทคโนโลยีซีเนอร์จี้เป็นมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงระดับโลกของเรา โดยได้มีการขายน้ำมันสูตรใหม่นี้ไปแล้ว 21 ประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับโดยมียอดขายน้ำมันเกรดทั่วไปเพิ่มขึ้น 3% ส่วนยอดขายน้ำมันเกรดพรีเมียมซูพรีมพลัสโตขึ้น 10% โดยไทยจะเป็นประเทศอันดับที่ 7 ในเอเชียแปซิฟิกที่มีการจำหน่ายน้ำมันสูตรนี้ โดยได้เริ่มจำหน่ายมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรซีเนอร์จี้ได้รับการพัฒนาโดยทีมงานวิจัยภายในห้องทดลองที่ใช้ในการพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับทีมแข่งรถสูตรทีม Red Bull Formula One Racing ที่มีสารช่วยทำความสะอาดเครื่องยนต์ขึ้น 30% เพิ่มอัตราเร่ง ทำให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสการปกป้องเหมือนขับรถใหม่
“จากการวิจัยพบว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันถึงปี 2040 ความต้องการใช้น้ำมันดิบยังเป็นหลักอยู่ แต่เอสโซ่ก็มีการทดลองติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวีในยุโรป ส่วนเอเชียก็ทำที่สิงคโปร์แต่จำนวนรถอีวีมีน้อย ไม่คุ้ม เพราะรถอีวีส่วนใหญ่ 95% ชาร์จไฟในบ้าน ที่เหลือชาร์จไฟในออฟฟิศและศูนย์การค้า ส่วนในไทยก็มีการตั้งสถานีชาร์จในปั๊มเอสโซ่ที่เป็นของดีลเลอร์อยู่ 3 แห่ง”
นายมาโนชกล่าวว่า เอสโซ่เตรียมขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 700 แห่งทั่วประเทศในปี 2564 จากสิ้นปีนี้มีสถานีบริการน้ำมันรวม 640 แห่ง คาดใช้เงินลงทุนราว 2-3 พันล้านบาท/ปี โดยจะเน้นเปิดสถานีบริการน้ำมันแถบพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และบริเวณรอบนอกกรุงเทพฯ โดยแต่ละปีจะมีการเปิดสถานีน้ำมันราว 10-15 แห่ง พร้อมทั้งปรับปรุงสถานีบริการเดิมให้มีรูปโฉมใหม่หมด คาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปี 2563 จากปัจจุบันที่ปรับปรุงไปแล้ว 70% หรือราว 430 แห่งจากทั้งหมด 617 แห่ง ใช้เงินประมาณ 600-700 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจค้าปลีกที่ไม่ใช่น้ำมัน (นอนออยล์) จะดึงพันธมิตรใหม่เข้ามาให้บริการในสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเติม เช่น เบทาโกร ร้านสตาร์บัค จากปัจจุบันมีร้านเบอร์เกอร์คิง แมคโดนัลด์ เทสโก้โลตัส มินิบิ๊กซี เคอร์รี่ ฯลฯ เนื่องจากบริษัทไม่มีความชำนาญในธุรกิจนอนออยล์
ปัจจุบันเอสโซ่มีการจำหน่ายน้ำมันดีเซล บี 20 ในสถานีน้ำมันแล้ว 80 แห่ง คาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 150 แห่งเพื่อรองรับความต้องการของรถบรรทุก เนื่องจากได้รับการอุดหนุนทำให้ราคาถูกกว่าดีเซลปกติ 5 บาท/ลิตร ส่วนการจำหน่ายน้ำมันดีเซลบี 10 ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและส่งไปห้องแล็บเพื่อทดสอบก่อนนำมาจำหน่าย ทั้งนี้ เอสโซ่พร้อมที่จะจำหน่ายหากรัฐประกาศให้เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานแทนบี 7 ในต้นปีหน้า เช่นเดียวกับน้ำมันมาตรฐานยูโร 5