บอร์ด ทอท.ปรับใหม่ เคาะรับโอน 4 สนามบิน เปลี่ยน “กระบี่-บุรีรัมย์” แทน “ชุมพร-สกลนคร” นิตินัยเผยพิจารณาตามหลักยุทธศาสตร์หลังคมนาคมให้ทบทวน พร้อมปรับแผนเสนอสร้างเทอร์มินัล 2 ก่อน ชะลอขยายอาคารตะวันออก-ตะวันตก หวั่นทำพร้อมกันทำบริการป่วน “ศักดิ์สยาม” เห็นด้วยเต็มที่
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ที่มี นายประสงค์ พูนธเนศ เป็นประธานวันนี้ (21 ส.ค.) มีมติเห็นชอบแผน ทอท.รับบริหารท่าอากาศยาน 4 แห่งของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้แก่ อุดรธานี บุรีรัมย์ ตาก กระบี่ ซึ่งจะสรุปและนำเสนอกระทรวงคมนาคมในสัปดาห์หน้า
ก่อนหน้านี้มีนโยบายให้ ทอท.รับโอน 4 สนามบินของ ทย.ได้แก่ อุดรธานี สกลนคร ตาก และชุมพร แต่ล่าสุด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีต รมว.คมนาคม ได้มีหนังสือก่อนพ้นตำแหน่งให้ ทอท.ทบทวนแผนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และอุตสาหกรรมการบิน ซึ่ง ทอท.ได้พิจารณาจากปัจจัยการจราจรบนห้วงอากาศไม่ตัดกันและภาคพื้น พบว่าด้านตะวันตกสนามบินตากยังคงเหมาะสม รวมถึงตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังเป็นสนามบินอุดรธานีเหมือนเดิม
ส่วนตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างเปลี่ยนเป็นสนามบินบุรีรัมย์ เนื่องจากสกลนครเป็นสนามบินมีปัญหาน้ำท่วม จะมีปัญหาต่อการทำแผนธุรกิจ ส่วนด้านใต้ เปลี่ยนเป็นสนามบินกระบี่ เพื่อใช้คู่กับสนามบินภูเก็ต ส่วนชุมพรตามแผนเดิมเพื่อรองรับไทยแลนด์ริเวียร่าเป็นคนละยุทธศาสตร์กัน
“ทอท.พิจารณาตามยุทธศาสตร์และทำตามคำสั่งและเสนอไปตามขั้นตอน ส่วนการพิจารณาขึ้นกับนโยบายที่กระทรวงคมนาคม โดยจะใช้เงินพัฒนาประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ” นายนิตินัยกล่าว
*** ทอท.ปรับแผน ส่อชะลอขยายอาคารตะวันออก-ตะวันตก
ส่วนโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ วงเงิน 4.2 หมื่นล้านบาท ทอท.ได้เสนอกระทรวงคมนาคมแล้ว โดยยืนยันก่อสร้างบริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A (Concourse A) ซึ่งได้หารือกับคณะกรรมการ Airport Consultative Committee (ACC) แล้ว โดยแผนใหม่จะปรับจากที่จะก่อสร้างเทอร์มินัล 2 พร้อมกับสลับการก่อสร้างอาคารหลังเดิมส่วนต่อขยายฝั่งตะวันออก (East Expansion) ไปทำการขยายฝั่งตะวันตก (West Expansion) ก่อน ซึ่งองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO) เห็นว่าการเปิดหน้างานพร้อมกับก่อสร้างเทอร์มินัล 2 จะมีปัญหาต่อการให้บริการ ดังนั้นอยู่ที่การพิจารณานโยบายว่าจะประเมินอย่างไร เช่น ให้เทอร์มินัล 2 เสร็จแล้ว ซึ่งจะเพิ่มขีดรองรับ Over Capacity จะสามารถชะลอการขยายอาคารด้านตะวันตก และตะวันออกไว้ทำภายหลัง
“ตัวเทอร์มินัล 2 ใหม่อยู่ระหว่างการปรับปรุงแนวคิดที่จะรองรับเพิ่มจาก 20 เป็น 35 ล้านหรือ 40 ล้านคนต่อปี ตามขั้นตอนหากกระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วจะส่งต่อไปสภาพัฒน์ และ ครม.หากอนุมัติจะออกแบบคู่ขนานกับทำการศึกษา EIA ต่อ อาจจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปีเศษ ซึ่งถึงปัจจุบันล่าช้า 10 เดือน นับตั้งแต่ล้มประมูลการออกแบบไปเมื่อเดือน พ.ย. 2561”
***TOR รันเวย์ 3 เสร็จ พ.ย.นี้
สำหรับโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 (รันเวย์ 3) สุวรรณภูมิวงเงินรวม 21,795.941 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างทีโออาร์ ซึ่งมีคณะกรรมการข้อตกลงคุณธรรม (IP) ร่วมด้วย คาดจะเสร็จในเดือน พ.ย. 2562 และอยู่ระหว่างรอการอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EHIA) โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มงาน คือ การก่อสร้างรันเวย์เส้นที่ 3 วงเงิน 6,638.946 ล้านบาท, งานปรับปรุงคุณภาพดิน (Ground Improvement) พื้นที่อาคารเทียบเครื่องบินรอง (อาคารแซตเทิลไลต์) หลังที่ 2 ประมาณ 4,087.11 ล้านบาท และงานก่อสร้างพารามิเตอรแท็กซี่ ประมาณ 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีค่าชดเชยผลกระทบด้านเสียง 5,735.6 ล้านบาท ที่เหลือจะเป็นการจัดหาระบบเครื่องช่วยเดินอากาศยาน การก่อสร้างระบบระบายน้ำ และสถานีกู้ภัยและดับเพลิง รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นที่เกี่ยวข้อง และค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง ฯลฯ
***ผู้โดยสารโตต่ำเป้า คาดกำไรปีนี้ระดับ 2.5 หมื่นล้าน
สำหรับปีนี้คาดว่าผู้โดยสารจะเติบโต 1.5% ต่ำกว่าเป้าที่คาดโต 6% เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวหลังเกิดเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตปีก่อน และผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน การบินโลว์คอสต์อิ่มตัว โดยกำไรจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 2.5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ทอท.ยังไม่มีแนวคิดในการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน (PSC) ซึ่งเก็บในอัตรา 700 บาทสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ซึ่งตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ 2497 มาตรา 60/37-40 ให้นำรายได้ PSC มาใช้ในการพัฒนาขยายสนามบิน ขณะนี้ ทอท.มีเงินสดในมือประมาณ 7 หมื่นล้านบาทซึ่งเพียงพอสำหรับการขยายสนามบิน
อย่างไรก็ตาม ทอท.ปรับกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน (Non-Aero) ได้แก่ ดิวตี้ฟรี พื้นที่เชิงพาณิชย์ จากปัจจุบันมีสัดส่วยรายได้ Aero และ Non-Aero ที่ 57:43 ปรับเป็น 55:45 ในปี 2563 เป็น 50:50 ในปี 2564 เนื่องจากรับรู้กำไรจากสัญญาดิวตี้ฟรีกับกลุ่มคิงเพาเวอร์อีกประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท
***“ศักดิ์สยาม” พร้อมดันเทอร์มินัล 2 เข้า ครม.
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า เทอร์มินัล 2 มีความจำเป็นเพื่อรองรับการเติบโต ซึ่งเป้าหมายมีผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 150 ล้านคน/ปี ผู้โดยสารในประเทศ 30 ล้านคน/ปี หากไม่เร่งจะมีปัญหาในอนาคต ส่วน ทอท.มีความพร้อมลงทุน ซึ่งจากข้อมูล การก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ด้าน Concourse A ของเทอร์มินัลหลัก เหมาะสมมากกว่าการขยายอาคารเดิมด้านตะวันออกตามแผนเดิม ซึ่งจะมีขีดรองรับระหว่างก่อสร้างลดลง 25%