หากติดตามข่าวการฟ้องคดีประมูลสนามบินอู่ตะเภาที่ต้องลุ้นข้อมูลกันเป็นรายวัน ถึงแม้ว่าความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดีจะไม่ผูกพันการพิจารณาคดีขององค์คณะตุลาการศาลปกครองกลาง แต่ความเห็นที่ต่างกันนี้ อาจเป็นช่องทางสู้ต่อของกลุ่มซีพีเพื่อดำเนินการอุทธรณ์ต่อไป
หากดูตามหลักการแล้ว ประตูยังไม่ปิดซะทีเดียว สำหรับผู้ที่ไม่เห็นด้วยในคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ทำให้สามารถอุทธรณ์คำพิพากษา หรือคำสั่งดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น โดยจะต้องยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองชั้นต้นที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ตามนัยมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 โดยคำอุทธรณ์นั้นจะต้องทำเป็นหนังสือและอย่างน้อยต้องระบุชื่อผู้อุทธรณ์และคู่กรณีในการอุทธรณ์
ขั้นตอนในการแสวงหาข้อเท็จจริงก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วกว่าศาลปกครองกลาง กล่าวคือ ไม่จำต้องดำเนินการจนครบ 4 ขั้นตอน ดังเช่นศาลชั้นต้นเพียง 2 ขั้นตอน คือ พิจารณาจากคำอุทธรณ์ และคำแก้อุทธรณ์ก็อาจสรุปสำนวนได้ ถ้าตุลาการเจ้าของสำนวนเห็นว่าคดีมีข้อเท็จจริงเพียงพอที่ศาลจะพิพากษาหรือมีคำสั่งอุทธรณ์ได้แล้ว จากนั้นก็จะไปสู่ขั้นตอนของการนั่งพิจารณาและการแถลงการณ์ของตุลาการผู้แถลงคดีต่อไป
ศาลปกครองสูงสุดมีอำนาจพิพากษายกอุทธรณ์ ยืน กลับ หรือ แก้คำพิพากษาหรือคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นได้ รวมทั้งมีอำนาจสั่งยกคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น แล้วส่งสำนวนคดีคืนไปให้พิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ หรือกำหนดให้พิจารณาคดีนั้นใหม่ทั้งหมดหรือบางส่วน แล้วพิพากษา หรือมีคำสั่งใหม่ หรือดำเนินการตามคำชี้ขาดของศาลปกครองสูงสุด แล้วพิพากษา หรือมีคำสั่งไปตามรูปคดี
นอกจากนั้น หากศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าคำอุทธรณ์ใดมีข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย จะสั่งไม่รับอุทธรณ์นั้นไว้พิจารณาก็ได้เช่นกัน