“กทท.” เดินหน้าเจรจาต่อรองผลตอบแทน กลุ่ม “ปตท.-กัลฟ์” เร่งปิดดีล ทลฉ.เฟส 3 ตั้งเป้าเซ็นสัญญา ต.ค.นี้ หลัง กพอ.ตีตก อุทธรณ์กลุ่ม NPC ลุ้นจะยื่นศาลปกครอง และจะมีคำสั่งคุ้มครองหรือไม่ กทท.มั่นใจตัดสินตาม RFP
นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ในส่วนท่าเทียบเรือ F ว่า จากที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ดอีอีซี ที่มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ได้ยืนตามความเห็นของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ ที่ไม่รับพิจารณาข้อเสนอของกลุ่มกิจการร่วมค้า เอ็นพีซี (NPC) ประกอบด้วย บริษัท นทลิน จำกัด บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) บริษัท แอสโซซิเอท อินฟินิตี้ จำกัด บริษัท PHS Organic farming จำกัด และบริษัท China Railway construction Corporation จำกัด ดังนั้น คณะกรรมการคัดเลือกฯ จะต้องเดินหน้าตามกระบวนการคือการเจรจาต่อรองกับผู้ชนะ ส่วนกลุ่ม NPC มีสิทธิ์ที่จะยื่นศาลปกครองตามขั้นตอนเช่นกัน
เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะทำหนังสือถึงกลุ่ม NPC เพื่อแจ้งผลของคณะกรรมการ กพอ.อย่างเป็นทางการ กรณีคำร้องไม่เป็นผล และสำเนาแจ้งต่อคณะกรรมการคัดเลือกฯ โดยคาดว่าจะเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาผลประโยชน์ตอบแทน (ซองที่ 4) กับกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด และ บริษัท China Harbor Engineering Company Limited ซึ่งเป็นผู้ชนะต่อไป โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ จะเจรจาให้รัฐได้ประโยชน์สูงสุด และขณะนี้ยังไม่มีการเปิดซองข้อเสนอผลตอบแทนจึงไม่ทราบตัวเลขที่กลุ่ม GPC เสนอ
ส่วนกลุ่ม NPC มีสิทธิ์ยื่นฟ้องศาลปกครอง ซึ่งหากศาลไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กระบวนการพิจารณาเดินหน้าต่อ โดยสรุปผลเจรจาเสนอ กพอ.เห็นชอบและเสนอ ครม.เพื่อทราบ โดยมีเป้าหมายในการลงนามในเดือน ต.ค. 2562 แต่หากศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวทุกอย่างจะต้องยุติ
“คณะกรรมการคัดเลือกฯ ดำเนินการพิจารณาตามเอกสาร RFP (Request for Proposal) ที่ได้กำหนดไว้ การพิจารณาเป็นไปตามระเบียบ ซึ่งการตัดสิทธิกลุ่มกิจการร่วมค้า NCP เนื่องจากทำผิดสาระสำคัญ” ผอ.กทท.กล่าว
ขณะนี้ตู้สินค้าท่าเรือแหลมฉบังเติบโตเฉลี่ย 6%/ปี หรือกว่า 4 แสนตู้/ปี ปัจจุบันปริมาณสินค้ามากกว่า 8 ล้านตู้ ขณะที่ขีดความสามารถรับได้ 11 ล้านตู้ หรือเท่ากับในปี 2566 จะเต็ม ส่วนเฟส 3 จะก่อสร้างประมาณ 4-5 ปี หากเฟส 3 ล่าช้าจะเกิดความแออัดและส่งผลกระทบต่อบริการและกระทบต่อต้นทุนผู้ประกอบการได้