ส.อ.ท.ยังคาดหวัง “กนง.” จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 7 ส.ค.นี้เพื่อดูแลเศรษฐกิจ ชะลอการแข็งค่าเงินบาทที่ซ้ำเติมการส่งออก ชี้สัญญาณสงครามการค้ายุติยากหลังจีนตอบโต้กดค่าเงินหยวนอ่อนสุดรอบ 10 ปี ด้าน ม.หอการค้าไทยชี้หลักการ กนง.ควรลดดอกเบี้ยลงหลังเฟดลดไปแล้วเพื่อดูแลเงินเฟ้อที่หลุดกรอบ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 7 ส.ค. ภาคเอกชนคาดหวังอยากเห็น กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันอยู่ระดับ 1.75% ลงมา ทั้งนี้เพื่อดูแลเศรษฐกิจโดยรวมและลดแรงกดดันจากภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่าซึ่งจะซ้ำเติมให้ขีดความสามารถการส่งออกของไทยลดลง ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้ที่ทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง
“ผมคิดว่าสงครามการค้าคงจะไม่ยุติโดยง่าย ซึ่งล่าสุดจีนกดค่าเงินหยวนอ่อนค่าทำสถิติใหม่ในรอบ 10 ปีอยู่ที่ 7.084 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้คาดว่ารัฐบาลจีนอาจปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงเพื่อตอบโต้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา หลังจากประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้า 10% มูลค่าทั้งสิ้นกว่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ” นายสุพันธุ์กล่าว
นายสุพันธุ์กล่าวว่า การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาก็เพื่อชะลอการไหลเข้าของเม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาการแข็งค่าเงินบาทที่สูงกว่าภูมิภาคทำให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ 2 ต่อทั้งจากบาทที่แข็งค่าแล้วยังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าอีกด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่เอกชนกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการส่งออกของไทยปี 2562 ที่อาจจะไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของ กนง.คงจะคาดเดาได้ยากว่าที่สุดจะตัดสินใจออกมาอย่างไรเพราะ กนง.เองคงจะมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา แต่ตามหลักการแล้วควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาเพราะเงินเฟ้อได้หลุดกรอบสะท้อนภาพได้ว่าเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง ขณะเดียวกัน เฟดก็ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้แล้วเช่นกันทำให้ดอกเบี้ยโลกจะเป็นขาลง
“กนง.ควรที่จะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงเงินเฟ้อขึ้นมา ซึ่งยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัวตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ดังนั้น ทุกภาคส่วนจึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงรัฐเองก็คงจะมีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง” นายธนวรรธน์กล่าว
