ลอรีอัล กรุ๊ป รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกปี 2562 นับเป็นการเติบโตครึ่งปีแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วงกว่า 10 ปี ด้วยตัวเลข +7.3%1 ซึ่งสูงกว่าภาพรวมตลาดความงามที่ศักยภาพการเติบโตสูง โดยครั้งนี้นับเป็นปีที่ 2 ที่บริษัทมีอัตราการเติบโตสูงสุดในประวัติการณ์
โดยยอดขายของลอรีอัลกรุ๊ปปี 2561/2562 (ล้านยูโร) นั้น ยอดรวมครึ่งแรกปี 2018 เท่ากับ 13,390.7 ล้านยูโร ขณะที่ยอดรวมครึ่งแรกปี 2019 เท่ากับ 14,811.5 ล้านยูโร ส่วนยอดรวมทั้งปีของปี 2018 เท่ากับ 26,937.4 ล้านยูโร
ทุกแผนกมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง และแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มีอัตราการเติบโตตัวเลขสองหลัก การเติบโตของผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงขับเคลื่อนโดย 4 แบรนด์ใหญ่ 4 ได้แก่ ลังโคม, อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์, จิออร์จิโอ อาร์มานี่ และคีลส์ ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางยังคงได้รับอานิสงส์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในรูปแบบความงามแบบสุขภาพดี และมีการเติบโตที่สมดุลทุกภูมิภาค ในส่วนแผนกผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคนั้น ผลประกอบการมีการพัฒนาดีขึ้นในแต่ละไตรมาส ด้วยการผลักดันจากความสำเร็จของลอรีอัล ปารีส ซึ่งเป็นแบรนด์ความงามอันดับหนึ่งของโลก ขณะเดียวกัน แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพยังอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนธุรกิจ
เมื่อมองในส่วนภูมิภาคนั้น เห็นได้ว่าตลาดใหม่ (new markets) มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะโซนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งปัจจุบันได้ขยับขึ้นมาเป็นโซนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของบริษัท ประเทศจีนยังคงระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนามต่างก็เติบโตด้วยตัวเลขสองหลัก ในโซนอเมริกาเหนือมีการชะลอตัวในตลาดเมกอัพ ส่วนในยุโรปตะวันตกยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้นในขณะที่ภาพรวมตลาดมีความซบเซา
ดิจิทัลยังคงเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโต และช่วยความสัมพันธ์ระหว่างเรากับผู้บริโภคให้แน่นแฟ้นขึ้น ในส่วนการเติบโตช่องทางอีคอมเมิร์ซนั้นมีอัตราเพิ่มขึ้นถึง +48.5% โดยมีสัดส่วนเป็น 13.2% ของยอดขายทั้งหมด ช่องทางธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยวนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโต โดยการเติบโตขึ้น +21.2%
นอกจากนี้ ตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมากที่ +12.1% และสร้างสถิติใหม่ในอัตรากำไรสุทธิที่ 19.5%
นายฌอง-พอล แอกง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า "ผลประกอบการที่ดีช่วงครึ่งปีแรกของเราท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ผันผวนนั้น ทำให้เรามีความมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันการเติบโตในอัตราที่สูงกว่าตลาดในปี 2562 และสามารถบรรลุยอดขายและกำไรตามเป้าอีกปีหนึ่ง"
รายละเอียดตามแผนก
แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ เติบโต +2.5%
โดยได้รับแรงหนุนจากส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกาและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ผลักดันการเติบโตมากที่สุด และมีแบรนด์เคเรสตาสเป็นกำลังสำคัญ
แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคเติบโต +3.1%
ลอรีอัล ปารีส ยังเป็นแบรนด์ที่คงการเติบโตที่ดี ผลักดันโดยผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลผิวหน้า การ์นิเย่เติบโตจากผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลผิว จากไมเซล่า คลีนซิ่ง วอเตอร์ และแผ่นมาสก์หน้า ที่เติบโตไปทั่วโลก โดยภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างชัดเจนคือโซนเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย
ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง เติบโต +13.2%
สี่แบรนด์ท็อปของแผนกยังคงความคึกคักในตลาดอย่างต่อเนื่อง และเติบโตตัวเลขสองหลักอีกครั้งในครึ่งปีแรก โดยผลักดันจากผลิตภัณฑ์กลุ่ม Génifique และ Absolue ที่เป็นผลิตภัณฑ์เด่นของแบรนด์ลังโคม และจากผลิตภัณฑ์กลุ่ม Ultra Facial และ Calendula จากแบรนด์คีลส์ ในส่วนแบรนด์ จิออร์จิโอ อาร์มานี่ และ อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ ประสบความความสำเร็จในผลิตภัณฑ์กลุ่มลิปสติก ได้แก่ Lip Maestro และ Rouge Pur Couture The Slim และกลุ่มน้ำหอม Sì และ Black Opium ภูมิภาคที่เติบโตแข็งแกร่งที่สุดคือเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะในประเทศจีน และในช่องทางค้าปลีกท่องเที่ยว
ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เติบโต +13.6%
ทุกภูมิภาคต่างมีส่วนผลักดันการเติบโต โดยมีโซนเอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ และละตินอเมริกา ที่มีผลประกอบการดีเป็นพิเศษ และทุกแบรนด์หลักล้วนมีส่วนช่วยในการเติบโต โดยแบรนด์ลา โรช-โพเซย์ เติบโตด้วยตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง และเดินหน้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอย ด้วยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ Hyalu B5 แบรนด์วิชี่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ติดดาวอย่าง Minéral 89 ส่วนแบรนด์เซราวี สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทุกๆ ภูมิภาค
บทสรุปส่วนภูมิภาคตลาดใหม่
เอเชียแปซิฟิก เติบโตเพิ่มขึ้น 24.3% ทุกแผนกประสบความสำเร็จในการเติบโตในตัวเลขสองหลัก โดยแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง มีการดำเนินงานที่โดดเด่นที่สุด การเติบโตยังคงถูกขับเคลื่อนโดยผู้บริโภคชาวจีน และแข็งแกร่งมากขึ้นจากความสำเร็จของอีคอมเมิร์ซในประเทศจีนและทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่วนแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวระดับพรีเมียมนั้นดำเนินงานได้ดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ ลังโคม, อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์, จิออร์จิโอ อาร์มานี่ และ เฮเลน่า รูบินสไตน์ การเติบโตในแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคในภูมิภาคนี้ขับเคลื่อนจากแบรนด์ ลอรีอัล ปารีส และการเปิดตัว 3CE สไตล์นันดะ ทั้งนี้ บริษัทยังสมารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างแข็งแกร่งในเอเชียใต้