BCPG จัดทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าอีก 1 พันเมกะวัตต์ ใช้เงิน 5หมื่นล้านบาท พร้อมศึกษาตั้งโรงงานแบตเตอรี่ในไทย หลังเหมืองลิเทียมที่บริษัทแม่ถือหุ้นจ่อผลิตเชิงพาณิชย์และเทคโนโลยีนิ่ง
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) เปิดเผยว่า บริษัทจัดทำยุทธศาสตร์การลงทุน 5 ปี (ปี 2563-67) วางงบลงทุนไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 1 พันเมกะวัตต์ (MW) จากปัจจุบันที่มีอยู่ 500-600 เมกะวัตต์ โดยเป็นพลังงานทดแทนที่มีหลากหลายประเภทไม่จำกัดว่าเป็นพลังงานลมเพียงอย่างเดียวเหมือนเป้าหมายเดิม
"ก่อนหน้านี้บริษัทเคยตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าพลังลม 1 พันเมกะวัตต์ เพราะเข้าใจว่าในเอเชียแปซิฟิกน่าจะอยู่ที่ลม แต่เมื่อศึกษาพบว่ายังมีพลังงานทดแทนอื่นๆ ที่มีโอกาสเติบโตอีกมาก เช่น พลังงานโซลาร์ มาเลเซียและเวียดนามก็เปิด พลังน้ำและลมในลาว เป็นต้น
นายบัณฑิตกล่าวว่า สำหรับเงินลงทุนที่จะใช้รองรับพัฒนาโครงการจะมาจากกระแสเงินสดที่เข้ามาในแต่ละปี ขณะที่บริษัทยังมีศักยภาพการกู้เพียงพอที่จะใช้ลงทุน รวมถึงยังมองโอกาสที่จะขายโรงไฟฟ้าให้กับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเหมือนที่เคยขาย 2 โครงการโซลาร์ฟาร์มให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งก็จะทำให้มีกระแสเงินสดกลับเข้ามา แต่บริษัทยังได้สิทธิดูแลและบำรุงรักษาโครงการโรงไฟฟ้าอยู่ ทำให้มีรายได้จากงานดังกล่าวเข้ามาต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีหน่วยงานพิเศษ CDOE (Center Digital of Energy) เพื่อพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล หรือรับบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้า และยังมีความร่ววมือกับบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตั้งบริษัท Thai Digital Energy Development เพื่อส่งเสริมธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ซึ่งในอนาคตทั้งสองหน่วยงานนี้อาจจะได้สิทธิขอรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐบาล หลังรัฐบาลจะเปิดช่องรวมถึงสตาร์ทอัพด้านพลังงาน
นายบัณฑิตกล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมจัดทำแผนร่วมกับ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ในการนำแร่ลิเทียมมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ หลังจากที่เหมืองแร่ลิเทียมในอาร์เจนตินา ที่บางจากฯ ร่วมทุนกับ Ganfeng Lithium ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีนนั้นจะเริ่มผลิตแร่ลิเทียมในปี 63 โดยบางจากฯ ได้สิทธิซื้อแร่ลิเทียมจำนวน 2,500 ตัน /ปี
เบื้องต้นอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะจัดตั้งโรงงานแบตเตอรี่ลิเทียมหรือไม่ หลังจากเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่เริ่มนิ่ง และกลุ่มก็มีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง Ganfeng แต่ขณะเดียวกันการจัดตั้งโรงงานก็ควรอยู่ใกล้ตลาดที่มีความต้องการใช้ด้วย โดยตลาดไทยนับว่ายังมีการเติบโตต่อเนื่องทั้งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า และที่พักอาศัยที่มีความต้องการใช้ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System)