xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองบ่นเอกชน รวยเพราะรัฐ จริงหรือ?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ควันหลงจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 25-26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ฝ่ายค้านจัดทัพรุมกระหน่ำโจมตีนโยบายเหมือนเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลยกแรก ประเด็นสำคัญพุ่งเป้าไปที่นโยบายเศรษฐกิจที่เป็นเป้าหมายหลัก แต่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้โชว์ความเก๋าในการแจกแจงรายละเอียดของนโยบายต่าง ๆ ได้ค่อนข้างชัดถ้อยชัดคำและชัดเจนแบบสะกดไปทั้งสภา เพราะเคลียร์ทุกประเด็นด้วยหลักการและเหตุผล จนได้รับคำชื่นชมทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน จนถึงได้ใจชาวเน็ตไปด้วย

ประเด็นหลักที่ฝ่ายค้านล้อมวงกันอภิปรายก็คือ เหล่าโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในอีอีซี ไม่ว่าจะเป็น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการดิวตี้ฟรี โครงการสนามบินอู่ตะเภา เป็นต้น ชาวบ้านได้แต่นั่งฟังใจจดจ่อว่าจะมีรายละเอียดอะไรที่น่าสนใจ แต่ปรากฏว่ามีแต่กดปุ่มพูดซ้ำ ๆ ว่าเป็น "โครงการเอื้อนายทุน" จนคนที่รอฟัง อดผิดหวังไม่ได้ว่าไม่มีสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการถกเถียงกันกว่า 34 ชั่วโมง

หนึ่งในผู้อภิปรายระบุว่า โครงการเมกะโปรเจ็กต์เอื้อให้เจ้าสัว แถมยกตัวอย่างเจ้าสัวรวยขึ้น แม้ว่าการอภิปรายรอบนี้จะไม่มีการเอ่ยชื่อใครชัดเจน แต่โดยทั่วไปก็ตีความได้ว่า ในประเทศไทยมีเจ้าสัวไม่กี่รายที่เข้ามาประมูลโครงการเมกะโปรเจ็กต์ในช่วงที่ผ่านมา

ร้อนถึง รองนายกฯ สมคิด ที่ตอบเรื่องนี้ได้ดีว่า “ถ้าไม่มีอีอีซี จะเอาอะไรไปเทียบต่างประเทศ ยุคนี้ต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ด่าเจ้าสัวที่เข้ามาร่วมกันเสียสละ” ซึ่งเจ้าสัวในที่นี้ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่หมายรวมถึงเจ้าสัวของหลายองค์กรธุรกิจชั้นนำของไทยที่โดดเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนส่วนรวม เพราะลำพังเงินงบประมาณของรัฐบาลไม่สามารถเนรมิตโครงการเหล่านี้่ได้อยู่แล้ว แต่ต้องพึ่งพาศักยภาพของเอกชนที่มีกำลังเข้ามาช่วยขับเคลื่อน

จริงเท็จอย่างไร ?? คนเรามักจะมองเห็นตอนผู้อื่นสำเร็จแล้ว แต่มักไม่ค่อยรู้ว่าเขาเหล่านี้ต้องทำงานหนักและเรียนรู้จากความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน ยกตัวอย่างที่เห็นภาพกันชัด ๆ คือเจ้าสัวเครือซีพี เอกชนผู้เข้าร่วมประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ กว่าจะรวยระดับโลกและสำเร็จได้เพราะอะไร

ซีพี เริ่มจากกิจการร้านขายเมล็ดพันธุ์ผัก ผ่านมาตั้งแต่ยุค 1.0 ที่เน้นเรื่องคุณภาพ ต้องไปเรียนรู้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ นำมาลองผิดลองถูก กล้าลองสิ่งใหม่ที่มีความเสี่ยง ต่อมาได้ขยายสู่การผลิตอาหารสัตว์ และเติบโตต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเป็นบริษัทข้ามชาติสัญชาติไทย ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซีพีมีการเติบโตอย่างมาก ทำให้มักจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับการเมืองว่ามีการเอื้อประโยชน์ แต่แท้ที่จริงแล้ว ซีพีประสบความสำเร็จจากยุทธศาสตร์การลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันรายได้ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในต่างประเทศมากกว่าในไทย

“เหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้ตระกูลเจียรวนนท์ยังสามารถครองความเป็นมหาเศรษฐีที่ 1 ในไทยที่ผ่านมานั้น มาจากแรงหนุนของราคาหุ้นสำคัญหลาย ๆ ตัว ที่เครือซีพีถือครอง ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในประเทศไทย และที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดฯ ต่างประเทศ รวมไปถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจของอาณาจักรซีพี” ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ 19 มี.ค. 2562

จากข้อมูลผลสำรวจเฉพาะบริษัทหลัก ๆ ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในบริษัทสำคัญของเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือเครือซีพี ประกอบด้วย

• บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักของซีพี ในกลุ่มธุรกิจเกษตรและอาหาร ซึ่งประกอบธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารแบบครบวงจร ตั้งแต่ผลิตอาหารสัตว์ เพาะพันธุ์สัตว์ เลี้ยงเนื้อสัตว์เพื่อการค้า แปรรูป อาหารสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ซีพี และอื่น ๆ ในปี 2560 มีรายได้ 523,179.98 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,532 ล้านบาท

• บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัทที่ทำธุรกิจหลักคือธุรกิจร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น จบปี 2560 มีรายได้ 489,403.25 ล้านบาท กำไรสุทธิ 19,907.71 ล้านบาท

• บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจหลักห้างแม็คโคร ในปี 2560 มีรายได้รวม 186,754.02 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,178.13 ล้านบาท

• บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทที่ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต และบริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก ฯลฯ ปี 2560 มีรายได้รวม 147,602.80 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,322.53 ล้านบาท

ขณะที่ในต่างประเทศ กลุ่มบริษัทสำคัญที่ได้รับการจับตาในฐานะบริษัทที่สร้างรายได้หลักให้กับเครือซีพีในปัจจุบัน คือ กลุ่มบริษัท ผิง อัน (PING AN) ที่ซีพีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง ให้บริการทางการเงินทุกชนิด ตั้งแต่ธนาคารไปจนถึงการลงทุน ธุรกิจหลักครึ่งหนึ่งอยู่ในธุรกิจประกันชีวิต รองลงมาอยู่ในธุรกิจประกันภัย ธุรกิจธนาคาร และธุรกิจหลักทรัพย์ โดยเครือซีพีของตระกูลเจียรวนนท์ได้เข้าไปซื้อหุ้น ผิง อัน มาตั้งแต่ปี 2556 จาก HSBC เป็นมูลค่าสูงถึง 2.9 แสนล้านบาท นับเป็นดีลประวัติศาสตร์ในการซื้อหุ้นของจีนที่มากที่สุดโดยบริษัทต่างชาติในเวลานั้น

ธุรกิจของ ผิง อัน นั้น เติบโตอย่างก้าวกระโดดตามการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในเวลาหลายปีที่ผ่านมา จบปี 2560 ผิง อัน มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 43% เป็น 4.65 แสนล้านบาท และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงถึง 5.98 ล้านล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2561) และอาจจะนับได้ว่าเป็นบริษัทที่สร้างผลตอบแทนให้กับเครือซีพีมากกว่าบริษัทหลักซึ่งจดทะเบียนในไทย อย่าง ซีพีเอฟ ซีพี ออลล์ และ ทรู รวมกัน

พิจารณาแล้ว จะเห็นอีกอย่างที่ตรงข้ามกับการอภิปรายโจมตีในสภาฯ นั่นคือ รัฐบาลต่างหากที่พยายามจะดึงเหล่าเจ้าสัวให้มากระจายเม็ดเงินช่วยรัฐลงทุนพัฒนาโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่าง ๆ หรืออีกนัยหนึ่งคือเจ้าสัวเอื้อรัฐ ใช้ศักยภาพด้านเงินทุน ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจมาช่วยชาติ

ถึงเวลามองต่างมุม...เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า