xs
xsm
sm
md
lg

กางแผนบริหารจัดการก๊าซฯเสนอผุดคลังที่สุราษฎร์5ล้านตันปี'65

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กางแผนบริหารจัดการก๊าซฯปี 2561-80 ก๊าซฯในประเทศไม่พอผลิตไฟฟ้าต้องนำเข้า LNG ปี 2564 เสนอผุดคลัง LNG ภาคใต้ผลิตไฟปี 2565 ป้อนโรงไฟฟ้าขนอม สุราษฎ์ฯและโรงไฟฟ้าใหม่ขนาด 5 ล้านตัน จ่อชง"สนธิรัตน์"รับทราบก่อนเปิดประชาพิจารณ์ จับตามติกบง.เปิดทางให้กกพ.ออกใบอนุญาตนำเข้าก๊าซฯกับผู้ชนะท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)จะนำเสนอแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติระยะยาว พ.ศ. 2561-2580 ที่ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ไปแล้วต่อนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรับทราบก่อนที่จะดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อไป ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นการจัดหาก๊าซฯตามความต้องการในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศพ.ศ.2561-80 ที่คาดว่าความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศจะเพิ่มขึ้นปีละ 0.8% ซึ่งทำให้ปี 2564 ก๊าซฯในประเทศไม่เพียงพอต้องนำก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)เพิ่มเติมและสร้างคลัง LNG หรือ LNG Terminal ในปี 2565 ในพื้นที่ภาคใต้เพื่อป้อนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก

สำหรับความต้องการใช้ก๊าซฯในภาคใต้ แบ่งเป็นการจัดหาก๊าซฯ สำหรับโรงไฟฟ้าจะนะ มีแนวทางการดำเนินการ โดยเร่งเจรจาซื้อก๊าซฯจากแหล่ง JDA หรือจัดตั้งหรือก่อสร้างสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ (FSRU) ในพื้นที่เพื่อรองรับการนำเข้า LNG เป็นทางเลือก ในปี 2565 และการจัดหาก๊าซฯสำหรับโรงไฟฟ้าขนอม โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี และโรงไฟฟ้าใหม่ตามแผน PDP-2018 มีความจำเป็นต้องจัดหาคลัง LNG ที่จ.สุราษฎร์ธานี ขนาด 5 ล้านตันต่อปี ในปี 2565

ส่วนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าการจัดหาจะเพียงพอกับความต้องการใช้ถึงปี 2572 โดยจำเป็นต้องเตรียมการสำรวจและผลิต หรือจัดหาเพิ่มเติมผ่านระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติใหม่จากจังหวัดนครราชสีมาไปยังโรงไฟฟ้าน้ำพองและโรงไฟฟ้าใหม่ตามแผน PDP-2018 แล การจัดหาก๊าซฯผ่านโครงข่ายท่อบนบก พบว่าการจัดหาจะเพียงพอกับความต้องการใช้ถึงปี 2563 ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ต้องการจัดหา LNG เพิ่มเติมให้เพียงพอกับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งต้องมีการปรับปรุงระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติให้เหมาะสมต่อไป

นอกจากนี้ยังจะรายงานถึงการที่รัฐได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ทำหน้าที่เป็น ผู้นำเข้าหรือShipper รายใหม่ในปริมาณการจัดหา LNG ไม่เกิน 1.5 ล้านตันต่อปีเพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าของกฟผ.เองโดยได้มีการประมูลจัดหาซึ่งพบว่าปิโตรนาสแอลเอ็นจี ประเทศมาเลเซียชนะประมูลด้วยราคาต่ำสุดแต่ยังไม่มีการอนุมัติให้นำเข้าเนื่องจากติดปัญหาค่า Take or Pay (ไม่ใช้ก็ต้องจ่าย)

พร้อมกันนี้ยังจะรายงานถึงแนวทางการสนับสนุน โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ของกระทรวงพลังงานที่ก่อนหน้านี้มีมติกบง.ที่เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานเสนอคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) พิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง (ใบอนุญาตเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซ และใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ) ให้กับภาคเอกชนที่ได้รับสัมปทานโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)ซึ่งผู้ชนะประมูลคือบริษัทกลุ่มกิจการร่วมค้ากัลฟ์ และพีทีที แทงค์ ซึ่งเป็นการร่วมกลุ่มกันระหว่าง บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด
กำลังโหลดความคิดเห็น