“สุริยะ” วางเป้าหมาย 100 วันที่จะต้องเห็นแผนปฏิบัติงานชัดเจนเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เป็นกลไกดูแลเศรษฐกิจ เร่งดันเงินค้างท่อช่วยเอสเอ็มอีให้เข้าถึง จ่อหารือสมคิดผลักดันการลงทุนในอีอีซี มั่นใจครึ่งปีหลังลงทุนฟื้นตัวแน่ ไม่หวั่นฝ่ายค้านอภิปรายคุณสมบัติยันไม่คิดที่จะออกนโยบายเอื้อธุรกิจครอบครัว
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยหลังการสักการะพระนารายณ์ พระภูมิ พระพุทธรูปห้องพระชั้น 6 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ ว่า ได้ตั้งเป้าการทำงานที่จะให้ทุกเรื่องมีแผนปฏิบัติการชัดเจนภายใน 100 วัน เพื่อใช้กลไกภาคอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งมั่นใจว่าหลังรัฐบาลแถลงนโยบายจะสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรมครึ่งหลังปี 2562 ให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
“การลงทุนที่ชะลอส่วนหนึ่งเพราะการเมืองที่ผ่านมายังไม่ชัดเจน แต่จากนี้ไปคงจะมีมากขึ้นและผมคงจะหาโอกาสลงพื้นที่อีอีซีเป็นพื้นที่แรกเพื่อศึกษาภาพรวม ซึ่งแนวคิดต้องการที่จะนำโมเดลการพัฒนาอีอีซีไปใช้กับภูมิภาคอื่นๆ เช่น อีสาน หรืออาจจะขยายพื้นที่เพิ่มจากอีอีซี ขณะนี้เน้น 3 จังหวัด คือ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทราเท่านั้น แต่ประเด็นเหล่านี้คงจะต้องหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้วย” นายสุริยะกล่าว
นอกจากนี้ยังต้องการเข้าไปส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและนวัตกรรม ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงอุตฯ เองก็มีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีที่จะเข้ามาช่วยเหลือด้านต่างๆอยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรให้เงินเข้าถึงเอสเอ็มอีอย่างแท้จริง โดยจะต้องทะลวงท่อให้เงินไหลเข้าเอสเอ็มอีให้ได้ และจะเชื่อมให้เอสเอ็มอีกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่อีอีซีโดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนการผลิตในประเทศมากขึ้น ซึ่งคงจะต้องมาดูรายละเอียดอีกครั้ง เป็นต้น
“ผมมาอยู่ที่กระทรวงอุตสาหกรรมรวมๆ นับเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งครั้งนี้มีปัจจัยเศรษฐกิจที่ทั่วโลกถดถอยทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมครั้งนี้จะต้องทำงานหนักมากขึ้น คงจะต้องมาทำงานร่วมกันกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ใกล้ชิดมากขึ้น ส่วนทีมที่ปรึกษาก็กำลังพิจารณาอยู่ คงต้องถามเอกชนว่าต้องการแบบไหนที่จะทำงานร่วมกันได้” นายสุริยะกล่าว
ส่วนกรณีการอภิปรายคุณสมบัติรัฐมนตรีในวันแถลงนโยบายรัฐบาล 25 ก.ค.นี้ และตนอาจจะเป็นหนึ่งในบุคคลเป้าหมายที่จะถูกอภิปรายเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจครอบครัว นายสุริยะกล่าวว่า หากอภิปรายจริงเชื่อว่าจะสามารถชี้แจงได้เพราะมีพี่น้อง 3 คน โดยพี่ชายคนที่ 2 เป็นบิดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งตนคงจะไม่ออกนโยบายเพื่อไปเอื้อธุรกิจของเขาแน่นอนเพราะธุรกิจของเขาได้สร้างมาด้วยวิสัยทัศน์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย และที่ผ่านมาครอบครัวเองก็ไม่ต้องการให้ธุรกิจเกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะดีต่อธุรกิจมากกว่า