ผู้จัดการรายวัน360 – 3องค์กร “FFI-สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร-เซ็นทรัลแล็บไทย” รวมตัวยกระดับ พัฒนา และผลักดัน สตรีทฟู้ดไทย ที่มีมูลค่ากว่า 2.7 แสนล้านบาท หวังโกอินเตอร์ สู่แฟรนไชส์ระดับอาเซียน
นายสุภัค หมื่นนิกร ผู้ก่อตั้งสถาบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร Chairman & Founder สถาบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร (Food Franchise Institute:FFI) เปิดเผยว่า ภาพของความเป็นธุรกิจร้านอาหารแบบสตรีทฟู้ดของไทยยังมีโอกาสและแนวโน้มในการเติบโตต่อเนื่อง และถือเป็นจุดเด่นของไทยที่หาในประเทศอื่นได้ยากมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่จะทำให้สตรีทฟู้ดของไทยเรามีความแข็งแกร่ง และมีศักยภาพมากขึ้นนั้น จะต้องมีการพัฒนาและสร้างเสริมในหลายมุมเพื่อให้ธุรกิจสตรีทฟู้ด มีความเป็นมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในเรื่องต่างๆมากกว่าแค่เรื่องความอร่อยหรือรสชาติของอาหารเท่านั้น โดยเฉพาะในเรื่องของความสะอาดที่เป็นหัวใจหลัก เพราะเป็นอาหารสตรีทฟู้ด
ทั้งนี้ภาพรวมสตรีทฟู้ดในประเทศไทย คาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.7 แสนล้านบาทต่อปี โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ในช่วงที่ผ่านมา โดยมีผู้ประกอบการสตรีทฟู้ดไทยประมาณ 3 แสนรายทั่วประเทศ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้สตรีทฟู้ดไทยเติบโตดี เนื่องจากว่า ความต้องการทานอาหารที่เข้าถึงได้ง่าย และมีรสชาติอร่อย และไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไป ทานข้าวนอกบ้านมากขึ้นด้วย
“ การที่จะทำธุรกิจร้านอาหารให้ประสบความสำเร็จนั้นมีความสำคัญ 4 ปัจจัยหลักคือ 1.แบรนด์ดิ้ง ที่จะต้องมีความแข็งแกร่งต่อสู้กับคู่แข่งได้ 2.แพลตฟอร์มด้านการสื่อสารออนไลน์ ที่จะต้องมีเพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและวิถีชีวิตของผูบริโภคที่เปลี่ยนไป 3. From Fram To Fork กระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่การทำวัตถุดิบจากฟาร์ม ถึง ผู้รับประทาน ที่ต้องมีความพิถีพิถัน และ 4.การมีบิซิเนสโมเดลที่ดี เพื่อสร้างการเติบโตให้สตรีทฟู้ดไทย เติบโตไปแบบยั่งยืนเพื่อการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ต่อไป ที่ไม่ใช่ขายแฟรนไชส์หรือโด่งดังเพียงแค่เป็นกระแสชั่วคราวเท่านั้น “ นายสุภัค กล่าว
ดังนั้นทางสถาบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร และสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร จึงได้ร่วมมือกับทางบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด ในการเซ็นเอ็มโอยูในโครงการผนึกกำลัง 3 องค์กรชั้นนำ พัฒนาสตรีทฟู้ดของไทยสู่อาเซียน โดยมีจุดประงค์ที่จะพัฒนาสตรีทฟู้ดของไทยให้มีศักยภาพที่เข้มแข็ง เพื่อเตรียมพร้อมในการเป็นแฟรนไชส์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล
นอกจากนั้น ทั้ง3องค์กรดังกล่าวยังได้ร่วมมือกันจัดการฝึกอบรมให้ความรู้และคำปรึกษารวมถึงเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจสตรีทฟู้ดของไทย ที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกด้วย ให้ก้าวสู่การเป็นแฟรนไชส์ในระดับอาเซียน ซึ่งนายสุภัค กล่าวว่า จะเริ่มเปิดหลักสูตรอบรมผู้ประกอบการสตรีทฟู้ดรุ่นที่1 ในวันที่ 24, 31 กรกฎาคม 2562 นี้ ที่บริษัท เซ็นทรัลแล็บไทย และรุ่นต่อไปจะอบรมเดือนสิงหาคม
นายนราวิทย์ เปาอินทร์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ห้องปฎิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือเซ็นทรัลแล็บไทย กล่าวว่า การตรวจวิเคราะห์อาหารริมทางหรือสตรรทฟู้ดจำเป็นต้องให้ความสำคัญในทุกด้าน ตั้งแต่วัตถุดิบ สถานที่ผลิต ไปจนถึงผู้ขาย โดยผู้ประกอบการ สามารถตรวจสอบตามข้อกำหนดประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 139 หลักเกณฑ์มาตรฐานสถานที่ที่ผลิต ที่ใช้บังตคับกับอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย ซึ่งได้แก่ กลุ่มอาหารพร้อมปรุงและอาหารปรุงสำเร็จพร้อมบริโภคได้ทันทีบางชนิด และกลุ่มอาหารทั่วไป
โดยมีกำหนดไว้ 6 ข้อ คือ 1. การตรวจสอบสถานที่ตั้งและสถานที่ผลิต 2.เครื่องมือและอุปกรณ์การผลิต 3.การควบคุมกระบวนการผลิต 4.การสุขาภิบาล 5.การบำรุงรักษาและทำความสะอาด และ 6.บุคลากรและสุขลักษณะผู้ปฎิบัติงาน โดยเซ็นทรัลแล็บไทย พร้อมให้บริการตรวจมาตรฐานสถานที่ผลิตให้กับผู้ประกอบการด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อยกระดับอาหารริมทางหรือสตรีทฟู้ดให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
นอกจากนี้เซ็นทรัลแล็บไทย ยังสามารถให้บริการตรวจวิเคราะห์สารเคมีปนเปื้อน เช่น ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก เช่น สารหนู ปรอท ตะกั่ว และเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคที่ปนเปื้อนในอาหาร เช่น อีโคไล สแตรปโตคอคคัส เป็นต้น หรือการตรวจวิเคราะห์ค่าสารอาหารโภชนาการที่อยู่ในอาหารริมทางหรือสตรีทฟู้ด แต่ละประเภทได้ โดย ผู้ประกอบการสามารถเข้ามารับการปรึกษาได้ที่เซ็นทรัลแล็บไทยได้ทั้ง 6 สาขา คือ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร สงขลาและ ศูนย์บริการรับส่งตัวอย่างที่สุราษฎร์ธานี