รฟม.ยังไม่สรุปรูปแบบเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ รอนโยบาย รมต.คมนาคมคนใหม่ชี้ขาดรูปแบบ PPP ระหว่างสัมปทาน Net Cost กับจ้างเอกชนเดินรถ Gross Cost เผยประชาชนสะดวกต้องเดินรถต่อเนื่อง และควรเจรจารายเดิม ป้องกันถูกเคลมค่าเสียหาย
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กม. มูลค่า 128,235 ล้านบาท ในส่วนการเดินรถที่มีค่าลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้ที่ปรึกษายังอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการลงทุนรัฐและเอกชน (PPP) เปรียบเทียบระหว่าง PPP Net Cost การให้สัมปทานเอกชน ซึ่งเป็นแนวทางที่จะลดความเสี่ยงและภาระของภาครัฐ กับรูปแบบ PPP Gross Cost ภาครัฐจัดเก็บรายได้ จ้างเอกชนเดินรถ โดยรัฐจะต้องรับความเสี่ยงเรื่องค่าโดยสาร
ทั้งนี้ ปัจจุบันสายสีม่วงเหนือ (เตาปูน-คลองบางไผ่) ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว โดยใช้รูปแบบ PPP Gross Cost มีสัญญาจ้าง บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นผู้บริหารการเดินรถ ดังนั้น หากให้สายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ใช้รูปแบบ PPP Gross Cost เหมือนกันตลอดสาย ควรเจรจาจ้างบริษัทเดิมบริหารการเดินรถ อีกทั้งจะสะดวกเนื่องจากมีศูนย์ซ่อมบำรุง (เดปโป้) ที่คลองบางไผ่ เพียงแห่งเดียว
กรณีให้สายสีม่วงใต้ใช้รูปแบบ PPP Net Cost อาจจำเป็นต้องปรับรูปแบบของสายสีม่วงเหนือให้เป็น PPP Net Cost ตลอดสายด้วยหรือไม่ และหากพิจารณาว่าจะเปิดประมูลใหม่จะกระทบต่อสัญญาของสายสีม่วงเหนือแน่นอน ซึ่งมีความเสี่ยงกรณีถูกเอกชนเคลมความเสียหาย
“การศึกษามี 2 แนวทาง ระหว่างรูปแบบ PPP Gross Cost หรือรูปแบบ PPP Net Cost ตลอดสายทั้งส่วนเหนือ และใต้ เพื่อสะดวกในการใช้เดปโป้ และการเดินรถต่อเนื่อง จึงต้องศึกษาเปรียบเทียบข้อมูลทั้ง 2 รูปแบบให้ครบถ้วนและนำเสนอบอร์ด รฟม.พิจารณาต่อไป”
รายงานข่าวแจ้งว่า การเดินรถสายสีม่วงใต้จะเป็นรูปแบบใดนั้นขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจ เนื่องจากจะต้องรอนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ โดย รฟม.จะนำเสนอผลการศึกษาของทั้ง 2 รูปแบบ พร้อมข้อดีข้อเสีย ซึ่งยอมรับว่ากรณีเลือกรูปแบบ PPP Net Cost มีความจำเป็นต้องปรับสายสีม่วงเหนือเป็น PPP Net Cost ด้วย ซึ่งต้องล้างไพ่สัญญาจ้างเดิมกับ BEM ในขณะที่ควรเลือกการเจรจากับเอกชนรายเดิมมากกว่าเปิดประมูลใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เอกชนเคลมเรียกค่าเสียหายจากรัฐ