xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.หั่นเป้ากำไรปีนี้หลังเจอพิษเทรดวอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ปตท.ปรับลดเป้ากำไรปีนี้ลงเล็กน้อย หลังเจอผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน กดดันมาร์จินน้ำมันและปิโตรแคบลง เดินหน้าชงบอร์ดฯ ดัน PTTOR เข้าตลาดหุ้น มั่นใจ ก.ค.เซ็นโครงการท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. เปิดเผยว่า ปตท.ปรับลดเป้าหมายกำไรในปีนี้ลงเล็กน้อยจากเป้าหมายเดิมในช่วงต้นปี หลังจากมองว่าธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมียังคงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้ส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและน้ำมันยังคงอ่อนแอ กดดันต่อผลประกอบการของ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ซึ่งเป็นบริษัทลูก แม้แนวโน้มของธุรกิจ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นก็ยังไม่สามารถเข้ามาชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้

ปตท.คาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปี 62 จะอยู่ในช่วง 60-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หากราคาน้ำมันดิบยืนอยู่ในระดับ 60-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็คาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 2.34 ล้านล้านบาท เพราะแม้ราคาน้ำมันจะดีขึ้นแต่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและปิโตรเคมีในเครือฯ ทำให้กระทบต่อปริมาณการผลิ

ทั้งนี้ ปตท.ได้ปรับแผนลงทุนในปีนี้ใหม่ โดยเพิ่มงบลงทุนปีนี้อีกราว 3.32 หมื่นล้านบาท เป็น 1.04 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการปรับเพิ่มในธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ที่คาดว่าจะเซ็นสัญญากับรัฐบาลในราวเดือน ก.ค.นี้ รวมถึงการเพิ่มทุนในบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เพื่อรักษาสัดส่วนการลงทุนและก็มีโอกาสที่จะเพิ่มการถือหุ้นใน GPSC อีกเล็กน้อย ตลอดจนใช้ลงทุนในรูปแบบ Venture Capital เพื่อการเติบโตในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ปตท.จะมีการทบทวนงบประมาณลงทุนตามแผนลงทุน 5 ปีอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะมีเรื่องสำคัญ 2-3 เรื่องที่เกึ่ยวเนื่องกับพลังงานรอนำเสนอคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาต่อไปด้วย

ส่วนความคืบหน้า PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเตรียมนำรายละเอียดเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการเพื่ออนุมัติในไตรมาส 3/62 หลังจากนั้นจะยื่นแบบเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต่อไป

นายชาญศิลป์กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจไฟฟ้าซึ่งมี GPSC เป็นแกนหลักนั้นก็ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในภูมิภาคเอเชียต่อเนื่อง นอกเหนือจากปัจจุบันที่มีการลงทุนอยู่ในลาว และอยู่ระหว่างการจัดทำแผนธุรกิจโรงไฟฟ้าตามรูปแบบ Gas to Power ในพม่า ซึ่งเป็นการต่อยอดนำก๊าซฯ มาผลิตไฟฟ้าในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม หลังจากที่มี PTTEP เป็นผู้นำเข้าไปลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติในพม่าอยู่แล้ว โดยคาดว่าโครงการในพม่าจะมีความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปีนี้

นอกจากนี้ GPSCพัฒนาโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชน ขนาด 9.8 เมกะวัตต์ (MW) ใน จ.ระยอง เพื่อขายไฟฟ้าเข้าระบบภายในสิ้นปี 2562 โดยเป็นการนำขยะจากพื้นที่ใน จ.ชลบุรี, ระยอง และจันทบุรี มาใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเมื่อประสบความสำเร็จในพื้นที่แล้ว กลุ่ม ปตท.ก็มองโอกาสนำรูปแบบโมเดลธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะดังกล่าวไปใช้ในพื้นที่อื่นที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้ามาก โดยอาจจะทำให้มีการรวมตัวเป็นคลัสเตอร์จังหวัดเพื่อรวบรวมปริมาณขยะให้มีเพียงพอมาใช้ผลิตไฟฟ้าต่อไป

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น ปตท.ไม่มีความเชี่ยวชาญ หากผู้ชนะการประมูลโครงการดังกล่าวเชิญชวนให้ ปตท.เข้าร่วมลงทุนด้วย ปตท.ก็จะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อหารือต่อไป

สำหรับภาพของกลุ่ม ปตท.ในอีก 3-5 ปีข้างหน้าจะสร้างการเติบโตด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้แก่ประเทศ โดยจะมีปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซฯ เพิ่มขึ้นจากการลงทุนของ PTTEP, มีการขยายธุรกิจ Gas to Power ให้มากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ, ขยายธุรกิจร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน สถานีบริการน้ำมัน และ LPG ในกัมพูชา ลาว พม่า และจีน, มีผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเกรดพิเศษมากขึ้น, มีน้ำมันที่สะอาดใช้ทั้ง B10 และ B20 ตลอดจนการส่งเสริมให้เกิด Bio Economy ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรได้อีกทางหนึ่งด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น