ทอท.คาดปี 62 ผู้โดยสารโต 2% หลังนักท่องเที่ยวยุโรป และจีนหดตัว คาดหมายกำไรที่ 2.8 หมื่นล้าน เดินหน้าปั้น new business ผุด “แอร์พอร์ตซิตี้” ตั้งบริษัทลูก ศูนย์ส่งออกสินค้า คาดปี 64 รายได้โตก้าวกระโดด ดัน Non Aero แตะ 50% เตรียมเซ็นสัญญาคิงเพาเวอร์ต้น ก.ค. มั่นใจจ่ายผลตอบแทนได้ตามที่เสนอ
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากผลประกอบการในปี 2562 ในช่วง 6 เดือนแรก (ต.ค. 61- มี.ค. 62) ที่มีกำไรเกือบ 1.4 หมื่นล้านบาท 13,975.81 ล้านบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าทั้งปี 2562 (ต.ค. 61-ก.ย. 62) จะมีกำไรประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งในส่วนปริมาณผู้โดยสารคาดว่าปี 62 จะเติบโตจากปี 61 ประมาณ 2% จากเดิมที่คาดจะเติบโต 7-8% โดยพบว่าช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาผู้โดยสารเติบโตอยู่ที่ 1.78% โดยผู้โดยสารจีนและยุโรปเติบโตลดลงอย่างมีนัย ซึ่งล่าสุดผู้โดยสารจีนได้ปรับเพิ่มขึ้นบ้างแล้วและคาดว่า เดือน ก.ค.แนวโน้มผู้โดยสารจะกลับมาเพิ่มขึ้น และในปี 2562 คาดปริมาณผู้โดยสารเติบโตรวมที่ 2% ส่วนปี 2563 ยังตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 6% ซึ่งประเมินตามการเติบโตของภูมิภาคเอเชียที่ 4-5% ส่วนตลาดโลกเติบโตที่ 2-3%
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ ทอท.มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นในปี 63-64 จะมาจากกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน (Non Aero) ได้แก่ รายได้จากสัมปทานดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะลงนามสัญญากับ บริษัทคิงเพาเวอร์ได้ในสัปดาห์แรกของเดือน ก.ค.นี้ และเริ่มสัญญา 1 ต.ค. 63 ซึ่งรายได้จาก 3 สัญญาดังกล่าวจะเพิ่มจาก 8,800 ล้านบาท เป็น 23,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 15,000 ล้านบาท ในปีแรก
สำหรับหลักการจ่ายค่าตอบแทน คิงเพาเวอร์จะจ่ายส่วนแบ่งรายได้ 20% ให้ ทอท.ทุกเดือน เมื่อครบปีจะมีการคำนวณค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) โดยใช้สูตรการคำนวณ MAG(i) (พิจารณาจากอัตราการเจริญเติบโตของผู้โดยสารประกอบกับอัตราเงินเฟ้อของปีปฏิทินก่อนหน้า) หาก Minimum Guarantee คิงเพาเวอร์ต้องจ่ายส่วนต่าง ซึ่งเมื่อลงนามสัญญา คิงเพาเวอร์ต้องวางแบงก์การันตีประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท
“ดิวตี้ฟรีที่สุวรรณภูมิ นอกจากแผนธุรกิจแล้ว ยังมีมุมมองในด้านธุรกิจ ซึ่งคิงเพาเวอร์มองโอกาสที่อาคารแซตเทิลไลต์และหลุมจอดอีก 28 หลุมของเฟส 2 มีผลต่อการเพิ่มของผู้โดยสาร ซึ่งแตกต่างจากผู้เสนอรายอื่นที่อาจจะไม่มองมุมนี้ ทำให้เสนอผลตอบแทนได้สูงและแผนทางธุรกิจด้านเทคนิคสูงด้วย ซึ่งทอท.มั่นใจในตัวเลขที่คิงเพาเวอร์เสนอว่ามีความเป็นไปได้” นายนิตินัยกล่าว
*** ปี 64 รายได้โตก้าวกระโดด จาก new business
นอกจากนี้ ยังเตรียมพัฒนาที่ดินที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็น “แอร์พอร์ตซิตี้” ได้แก่ ที่ดินแปลง 37 (ที่ราชพัสดุ) ปัจจุบันเหลือที่จะนำมาพัฒนาประมาณ 700 ไร่ เนื่องจากมีการก่อสร้างเป็นไบค์เลนบางส่วน โดยสัญญาเดิมจะครบกำหนดสัญญาเช่ากรมธนารักษ์ในปี 2575 ซึ่งเบื้องต้นธนารักษ์ได้ปรับสัญญาเช่าใหม่เป็น 30 ปี นับจากปี 2565-2595 ซึ่งจะทำให้สามารถนำมาพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ได้คุ้มค่า คาดว่า ภายในเดือน ก.ค.นี้จะสรุปการเจรจาปลดล็อกในด้านเงื่อนไขกับกรมธนารักษ์ จากนั้นจะเริ่มดำเนินการหาเอกชนมาร่วมลงทุนพัฒนากิจกรรมต่างๆ ในเดือน ก.ย.นี้
และที่ดินอยู่นอกเขตการบิน เนื้อที่ 723 ไร่ ซึ่งเหลือพัฒนาได้ประมาณ 500-600 ไร่ อยู่ระหว่างดำเนินการในการขอเปลี่ยนผังสี คาดว่าจะได้ข้อสรุปใน 3 เดือน
ส่วนโครงการศูนย์ตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนส่งออก (Certify Hub) ซึ่ง ทอท.จะตั้งบริษัทลูก ร่วมกับผู้ประกอบการภาคเอกชนผ่านสภาอุตสาหกรรมและสภาหอการค้าไทย โดย ทอท.ถือหุ้นใหญ่ 49% โดยคาดว่าจะจัดตั้งบริษัทลูกเสร็จในปลายปี 62 ประเมินจะมีสินค้าส่งออกจากไทย 1.5 แสนตัน/ปี
“ประเมินว่าโครงการที่มีขนาดเล็กจะเริ่มได้เร็วและสร้างรายได้ให้ ทอท.ได้ตั้งแต่ปี 63 เป็นต้นไป และตั้งแต่ปี 64 รายได้ ทอท.จะเติบโตก้าวกระโดดจากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบิน เป็น new business รูปแบบรายได้ของ ทอท.จะเปลี่ยนไป เช่น พัฒนาที่ดิน, Certify Hub และโครงการ Digital Platform และจะทำให้สัดส่วนรายได้จาก Non Aero เพิ่มเป็น 50% และอาจจะสูงขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ รายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและสายการบิน หรือ Aero จะปรับเพิ่มขึ้นตามแผนพัฒนาขยายขีดความสามารถ ซึ่งจะมีการเปิดอาคารแซตเทิลไลต์ 1 ในปี 2563 ซึ่งรองรับได้ 15 ล้านคน/ปี และขยายได้ถึง 30 ล้านคน/ปี โดยศักยภาพทั้ง 6 สนามบินของ ทอท. ปัจจุบันรองรับที่ 100 ล้านคน/ปี คาดว่าในปี 65-68 จะเพิ่มการรองรับได้เป็น 185 ล้านคน/ปี” นายนิตินัยกล่าว
*** ชงบอร์ดเคาะ TOR ประมูลรันเวย์ 3
สำหรับโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 (รันเวย์ 3) สุวรรณภูมิ วงเงินลงทุน 21,795.941 ล้านบาท เตรียมเสนอร่างเงื่อนไขประกวดราคา (TOR) ต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) ในเดือน ก.ค.เพื่อเปิดประมูล ขณะที่รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ (EHIA) อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ ซึ่งจะลงนามสัญญาเมื่อ EHIA ผ่านแล้ว
ส่วนอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สุวรรณภูมิ วงเงินลงทุน 42,084.564 ล้านบาท ได้เสนอแผนลงทุนไปกระทรวงคมนาคมเมื่อเดือน พ.ค.ตามขั้นตอน คือเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง เฟส 3 วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้เสนอไปที่กระทรวงคมนาคมแล้ว