ผู้จัดการรายวัน 360 - “บิวเทรี่ยม” ปรับแผนพร้อมลดเป้ารายได้ลงเหลือโต 10% เหตเศรษฐกิจยังไม่ดี การเมืองยังไม่ชัด ทุ่ม 150 ล้านบาทลุย เพิ่มอีก 2 สาขา ขยายออนไลน์ ผนึกเดอะวันขยายฐานลูกค้า พร้อมโปรโมชัน
นายจิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเชนร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อความงาม “บิวเทรี่ยม/BEAUTRIUM) ของไทย เปิดเผยว่า จากปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่ลงตัว (ให้สัมภาษณ์ก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี) รวมทั้งภาวะทางเศรษฐกิจรวมของไทยและความขัดแย้งทางการค้าของสองประเทศระหว่างอเมริกากับจีน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมบ้าง ซึ่งในส่วนของธุรกิจความสวยมงามก็มีกระทบบ้าง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ต้องมีการปรับแผนการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาของเทคโนโลยีทางด้านออนไลน์ การเข้ามาของคู่แข่งขันในตลาดที่มีมากขึ้น ในช่วงไตรมาสแรกปี 2562 นี้ แม้ว่าจะยังเติบโตอยู่ประมาณ 10% ส่วนกำลังซื้อของผู้บริโภคเฉลี่ยอยู่ที่ 800 บาทต่อคนต่อครั้ง ยังโต 10% ก็ตาม
ล่าสุดบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรหลักอย่างบัตรเดอะวัน ของทางกล่มเซ็นทรัล เพื่อเป็นการขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคและการทำโปรโมชันให้แก่ลูกค้า โดยฐานตลาดเดิมของบิวเทรี่ยมส่วนใหญ่จะเป็นคนเริ่มทำงานใหม่ๆ ประมาณ 60% และเริ่มมามีกลุ่มผู้หญิงวัยรุ่น นักเรียนนักศึกษามากขึ้นเมื่อไม่นานนี้ ประมาณ 50% ขณะที่ฐานของกลุ่มเดอะวันจะมีผู้หญิงเป็นหลักกว่า 70% และเป็นผุ้ใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูงจะทำให้เราได้ขยายกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้ได้ด้วย
ส่วนเรื่องของการทำโปรโมชันสะสมแต้มนั้น จะทำให้เราสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ได้ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ผ่านบัตรเดอะวันซึ่งมีเครือข่ายพันธมิตรทั้งในเครือเซ็นทรัลเองที่มีจำนวนมาก และนอกเครืออีกด้วยในหลากหลายธุรกิจ โดยลูกค้าบิวเทรี่ยมสามารถสะสมคะแนนเดอะวันและสามารถนำคะแนนสะสมเดอะวันมาแลกเป็นส่วนลดและรับสิทธิพิเศษต่างๆ ทั้งจากในเครือเซ็นทรัลกับพันธมิตรนอกเครือ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ท่องเที่ยว การเดินทาง สถานีบริการน้ำมัน สถานบันเทิง เป็นต้น โดยทุกการซื้อ 25 บาทจะได้รับคะแนนเดอะวัน 1 คะแนน และในอนาคตลูกค้าบิวเทรี่ยมจะสามารถแลกคะแนนเดอะวันเป็นส่วนลดในร้านบิวเทรี่ยมได้ด้วย
นายจิรวุฒิกล่าวต่อถึงแผนการขยายสาขาในปี 2562 นี้ด้วยว่า บริษัทฯ ตั้งงบประมาณการลงทุนรวมไว้ที่ 150 ล้านบาท โดยแยกเป็นเปิดสาขาใหม่ประมาณ 2 สาขา ลงทุนสาขาละ 30 ล้านบาท พื้นที่เฉลี่ย 300 ตารางเมตร จะเปิดปลายปีที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า กับเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จากล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้วได้ลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาทเพื่อเปิดสาขาแฟลกชิปสโตร์ ที่สยามสแควร์ สูง 4 ชั้น พื้นที่รวม 1,000 ตารางเมตร จากปัจจุบันมีสาขาเปิดบริการรวม 8 สาขา เปิดในกรุงเทพฯ ทั้งหมด ซึ่งสิ้นนี้ปีนีคาดว่าจะมีครบ 10 สาขา นอกนั้นเป็นงบการตลาดและอื่นๆ
นอกจากนั้นยังจะเพิ่มสินค้าทั้งในกลุ่มเดิมเพื่อเพิ่มเอสเคยู ทั้งเมกอัพ สกินแคร์ น้ำหอม เป็นต้น สินค้ากลุ่มใหม่เข้าสู่ตลาด ประมาณ 20% จากเดิมที่มสินค้าจำหน่ายในสโตร์มีประมาณ 1,000 แบรนด์ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมมากกว่า 50,000 เอสเคยู ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 10% จากปีที่แล้วที่ทำรายได้ 500 ล้านบาท ซึ่งปรับลดมาจากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ต้นปีว่าปีนี้คาดว่าจะทำได้1,000 ล้านบาท ส่วนปีก่อนหน้านี้ (2560) ทำรายได้ 250 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนรายได้จากออนไลน์ยังน้อยมากไม่ถึง 10%
ทั้งนี้ ช่องทางออนไลน์จะขายผ่านทางเว็บไซต์ เดอะบิวเทรี่ยม ดอตคอม ของบริษัทเอง และมีแพลตฟอร์มมาร์เกตเพลซผ่านพันธมิตรอย่างเช่น ชอปปี้ ลาซาด้า และเจดีเซ็นทรัล
นายระวี พัวพรพงษ์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจเดอะวัน บริษัท เดอะวันเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันเดอะวันมีฐานสมาชิกผู้ถือบัตรมากกว่า 15 ล้านรายทั่วประเทศ และการจับมือกับบิวเทรี่ยมครั้งนี้ถือเป็นการขยายฐานธุรกิจและพันธมิตรนอกเครือเซ็นทรัลมากขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ฐานผู้ถือบัตรเพิ่มขึ้น โดยปีนี้คาดว่าจะมีผู้ถือบัตรเดอะวันประมาณ 17 ล้านราย โดยสิ้นปีที่แล้วมีประมาณ 15 ล้านราย และกลางปีนี้มีประมาณ 16 ล้านรายแล้ว เฉลี่ยจะเพิ่มประมาณปีละ 2 ล้านราย และตั้งเป้าหมายอีก 5 ปีจากนี้จะมีผู้ถือบัตรเดอะวันรวม 20 ล้านราย