xs
xsm
sm
md
lg

กกร.จ่อชงสมุดปกขาวถึงรัฐบาลใหม่ปลาย มิ.ย. เร่งรับมือสงครามการค้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“กกร.” เตรียมทำข้อสรุปเพื่อจัดทำสมุดปกขาวยื่นให้รัฐบาลใหม่ภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ หวังสะท้อนปัญหาและแนวทางรับมือเศรษฐกิจหลังสงครามการค้าฉุดส่งออกลดหนัก กกร.จ่อหั่นเป้าส่งออกและจีดีพีปีนี้โตลดลงอีกครั้งในการประชุมวันที่ 3 ก.ค.


นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ปลายเดือน มิ.ย.นี้ กกร.เตรียมยื่นสมุดปกขาวแก่รัฐบาลชุดใหม่เพื่อให้รับทราบถึงปัญหาและข้อเสนอแนะต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจก่อนที่รัฐบาลใหม่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอตัวตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งการประชุม กกร.ในวันที่ 3 ก.ค.เตรียมทบทวนตัวเลขการส่งออกและผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปี 2562 ใหม่ ที่เดิมคาดไว้ว่าส่งออกจะโต 3-5% และจีดีพีจะโต 3.7-4% โดยมีทิศทางที่ลดลง


“เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปีนี้ที่เติบโต 2.8% ถือว่าต่ำสุดในรอบ 4 ปี 3 เดือน หรือ 17 ไตรมาส ซึ่งขณะนี้ส่งออกมีทิศทางจะลดลงจากผลกระทบสงครามการค้า แต่จีดีพีไทยส่วนหนึ่งพึ่งพิงส่งออกย่อมได้รับผลกระทบแต่อาจจะไม่มากเพราะมีเรื่องการท่องเที่ยวและลงทุนมาหนุน ซึ่ง กกร.อยู่ระหว่างติดตามประเด็นต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณาทบทวนปรับประมาณการส่งออกและจีดีพีอีกครั้งในการประชุมครั้งหน้า” นายปรีดีกล่าว


ขณะเดียวกัน ยอมรับว่าปัจจัยการเมืองในประเทศที่การจัดตั้งรัฐบาลมีความล่าช้าที่อาจส่งผลให้การจัดสรรและเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ล่าช้าออกไปด้วย ซึ่งอาจจะเพิ่มความเสี่ยงให้เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังอาจขยายตัวชะลอลงกว่าที่คาดไว้ โดยหวังว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศจะมีความชัดเจนโดยเร็ว และมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศเพื่อประคองเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวยอมรับว่า ตัวเลขการส่งออกและจีดีพีที่ กกร.คาดการณ์ไว้ปีนี้ลดลงแน่นอน เพราะเริ่มเห็นการส่งออกไตรมาสแรกของปีนี้ติดลบ 1.9% อย่างไรก็ตาม กกร.เตรียมทำข้อมูลเพื่อเสนอเป็นสมุดปกขาวให้แก่รัฐบาลใหม่ที่ต้องการเห็นความร่วมมือรัฐกับเอกชนมากขึ้น เช่น การประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ควรมีทุก 6 เดือน การประชุมคณะกรรมการความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจเป็นประจำทุก 3-4 เดือน เป็นต้น ขณะเดียวกัน สิ่งที่สำคัญคือการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่ต้องใช้มาตรการยาแรงในการเร่งให้ประชาชนจับจ่าย

“การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใช้ยาแรง เช่น มาตรการทางด้านภาษี เช่น การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ ช้อปช่วยชาติ กระตุ้นให้มีการเพิ่มมูลค่าราคาสินค้า มาตรการทางการเงินช่วยเหลือเอสเอ็มอี ฯลฯ” นายสุพันธุ์กล่าว

ายกลินทร์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่สหรัฐฯอาจขึ้นภาษีในสินค้าจีนล็อตที่เหลือ เมื่อประกอบกับภาพความซบเซาของการค้าโลกทำให้การส่งออกของไทยมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากขึ้นจนกระทั่งอาจไม่สามารถขยายตัวเป็นบวกได้ในปีนี้ ดังนั้นเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรจะต้องร่วมมือกัน โดย กกร.เตรียมเสนอสมุดปกขาว โดยคาดหวังว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่จะสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ที่ดีอยู่แล้ว เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้เดินหน้าได้ต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น