“ดุสิตธานีกรุ๊ป” ลุยธุรกิจฟูด เทกโอเวอร์ ขยายฐานธุรกิจเชื่อมต่อกับธุรกิจหลักโรงแรม

ผู้จัดการรายวัน 360 - “ดุสิตธานีกรุ๊ป” เดินหน้าลุยธุรกิจฟูด เทกโอเวอร์ ซื้อหุ้นบริษัทอื่น ขยายฐานธุรกิจเชื่อมต่อกับธุรกิจหลักโรงแรม วางเป้ารายได้ 1,000 ล้านบาทใน 3 ปี ปั้นแบรนด์อาหารพร้อมรับประทานพร้อมปรุง “ของไทย” ลุยตลาดโลก

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่เมื่อปีที่แล้วและเริ่มมีผลเป็นทางการในปีนี้ (2562) โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลัก คือ 1. ธุรกิจโรงแรม สัดส่วนรายได้กว่า 70% 2. ธุรกิจการศึกษา 3. ธุรกิจอาหาร 4. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม และ 5. ธุรกิจอื่นๆ เพื่อเป็นการกระจายธุรกิจสร้างรายได้เพิ่มขึ้นแทนที่จะพึ่งพาแต่รายได้โรงแรมเท่านั้นถือเป็นการลดความเสี่ยงด้วย


สำหรับธุรกิจอาหารได้ตั้งบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ดำเนินการแยกออกจากธุรกิจอาหารในโรงแรม ซึ่งได้ร่วมกับกลุ่ม Hatton Capital เข้าลงทุนในบริษัท เอ็นอาร์อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด หรือเอ็นอาร์ไอพี ด้วยการถือหุ้น 26% เป็นโรงงานผลิตอาหารและส่งสินค้าไปจำหน่ายกว่า 25 ประเทศแล้วให้กับแบรนด์อื่นกว่า 50 แบรนด์ มีสินค้ามากกว่า 1,000 เอสเคยู ล่าสุดได้ลงทุน 423 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นจำนวน 51% ในบริษัท EPICURE และยังมีข้อตกลงที่จะให้เราสามารถเข้าซื้อหุ้นเพิ่มสัดส่วนเป็น 70% ได้ภายในสิ้นปีนี้ หรือคิดเป็นเงินลงทุนรวม 613 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำแคเทอริ่งและอาหารให้กับโรงเรียนนานาชาติกว่า 30 แห่ง และในเวียดนามและกัมพูชาอีกหลายแห่ง


ทั้งนี้ แนวทางของดุสิตฟู้ดส์ จะมีทั้งการพัฒนาสินค้าขึ้นมาเอง และการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทต่างๆ ที่มีศักยภาพ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทอื่นๆ เพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ในส่วนของบริษัทเอ็นอาร์ไอพีนั้นก็มีโครงการที่จะขยายธุธุรกิจเองด้วยเช่นกัน โดยเน้นไปที่อาหารเพื่อสุขภาพ


“ที่ผ่านมาธุรกิจอาหารเราทำภายใต้โรงแรมดุสิตธานี แต่การตั้งดุสิตฟู้ดส์ขึ้นมาเพื่อสร้างทางเลือกใหม่และลงทุนให้เหมาะสมกับปัจจุบัน โดยเชื่อมต่อหรือสร้างพลังผนึกกับธุรกิจที่มีอยู่แล้ว ซึ่งธุรกิจอาหารในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ที่มีการดิสรัปชันเกิดขึ้น (Disruption) มีทั้งเรื่องอี-คอมเมิร์ซ มีทั้งดีลิเวอรี มีการแชร์ภาพเรื่องราวเนื้อหาการรีวิวเกี่ยวกับอาหาร มีนวัตกรรมาต่างๆ เราจึงต้องปรับตัว” นางศุภจีกล่าว


นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายรายได้ธุรกิจอาหารรวม 1,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปี (ปี 2562-2564) ซึ่งช่วงแรกนี้ก็สามารถทำรายได้รวมแล้วกว่า 400 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัทตามที่กล่าวมา


ขณะเดียวกัน ดุสิตฟู้ดส์ก็จะมีแผนสร้างรายได้อีก โดยการสร้างแบรนด์ “ของไทย” เพื่อเป็นแบรนด์สินค้าอาหารสำเร็จรูป วางจำหน่ายต่างประเทศเป็นหลัก เน้นช่องทางร้านอาหารที่มีระดับภัตตาคาร เป็นต้น ในเบื้องต้นนี้มีการผลิตออกมา 4 เมนู คือ แกงเขียวหวาน แกงมัสมั่น แกงกะหรี่ และก๋วยเตี๋ยวแขก แต่มี 2 รูปแบบ คือ พร้อมปรุง และซื้อไปเพิ่มส่วนผสมและเครื่องปรุงอีก โดยมีเชฟเดวิด ทอมสัน ชาวออสเตรเลีย เป็นผู้ร่วมพัฒนาสูตรกับทางดุสิต


สำหรับการรุกตลาดต่างประเทศจะเริ่มที่อเมริกา เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ และอาหารไทยเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว โดยจะเจาะตลาดทั้งออนไลน์กับออฟไลน์ ทำตลาดตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นพ่อครัวและผู้ประกอบกิจการอาหารหรือการบริการทำอาหารฟูดเซอร์วิส โดยเริ่มวางจำหน่ายสินค้าเดือนกันยายนนี้ นอกจากนั้นจะขยายตลาดอื่นในยุโรป เช่น อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศสส่วนตลาดในประเทศเน้นไปที่ช่องทางรีเทล


วางเป้าหมายรายได้ของแบรนด์ “ของไทย” นี้ไว้ที่ 100 ล้านบาทในช่วง 5 ปีแรก หรือมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10-20% ของรายได้รวมดุสิตธานีกรุ๊ปที่มีประมาณ 5,500 กว่าล้านบาท เบื้องต้นจะเข้าร่วมงาน ไทยเฟ็กซ์ 28 พฤษภาคม-1 มิถุนายน ศกนี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี