ผู้รับเหมาจีนหั่นราคากว่า กวาด 3 สัญญาก่อสร้าง “ทางด่วนพระราม3- ดาวคะนอง” ส่วน ช.การช่าง ยืนหนึ่งผู้รับเหมาไทย คว้างานสะพานขึงคู่ขนาน กก.คัดเลือกเร่งสรุปคะแนนรวม เสนอบอร์ด กทพ.23 พ.ค.นี้ ก่อนประกาศผล เร่งเซ็นสัญญาลุยตอกเข็ม
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (21 พ.ค.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ทำการเปิดซองข้อเสนอด้านราคาโครงการประมูลก่อสร้างโครงการทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กม.ในส่วนของงานโยธา จำนวน 4 สัญญา วงเงินรวม 29,154.230 ล้านบาท จำนวน 4 สัญญา
ปรากฏว่า สัญญาที่ 1 ระยะทาง 6.4 กม. ราคากลาง 6,980 ล้านบาท ทางยกระดับมีผู้รับเหมายื่นประมูล 5 ราย 1. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 6,645 ล้านบาท 2.บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 6,912 ล้านบาท 3. บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 6,271 ล้านบาท 4. บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 5,929 ล้านบาท และกิจการร่วมค้า CNA ประกอบด้วย บริษัท ไชน่าสเตทคอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่งคอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) และ 5. กิจการร่วมค้า CNA ประกอบด้วย บริษัท ไชน่าสเตทคอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่งคอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด เสนอราคา 5,897 ล้านบาท ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด
สัญญาที่ 2 ระยะทาง 5.3 กม. ราคากลาง 7,242 ล้านบาท ทางยกระดับมีผู้รับเหมายื่นประมูล 5 ราย ได้แก่ 1. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 6,890.5 ล้านบาท 2. บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 7,023.78 ล้านบาท3. บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 6,486.87 ล้านบาท 4. กิจการร่วมค้าซีทีบี ประกอบด้วย บริษัท ไชน่า ฮาร์เบอร์-ทิพากร-บุรีรัมย์ธงชัยก่อสร้าง เสนอราคา 6,440 ล้านบาท เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด และ 5. บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 6,515 ล้านบาท
สัญญาที่ 3 ระยะทาง 5 กม. ราคากลาง 6,991 ล้านบาท มีผู้รับเหมายื่นประมูล 5 ราย ได้แก่ 1. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 6,642.9 ล้านบาท 2. บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 6,955.44 ล้านบาท 3. บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 6,284.99 ล้านบาท 4. กิจการร่วมค้าไชน่าเรลเวย์-ซีวิล-บุญชัย ประกอบด้วยบริษัท China Railway 11 th Bureau Group Corporaton, บริษัท ซีวิลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เสนอราคา 6,098 ล้านบาท เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด และ 5. บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 6,359 ล้านบาท
สัญญาที่ 4 ระยะทาง 2 กม. ราคากลาง 7,944 ล้านบาท เป็นงานก่อสร้างสะพานขึงคู่ขนาน มีผู้รับเหมายื่นประมูล 3 ราย ได้แก่ 1. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 6,636.19 ล้านบาท เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด 2. กิจการร่วมค้า SMCC-ITD (สุมิโตโม-อิตาเลียนไทย) เสนอราคา 7,371.44 ล้านบาท และ 3. กิจการร่วมค้าCSP ประกอบด้วย บริษัท ไชน่าสเตทคอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่งคอร์ปอเรชั่น จำกัด กับบริษัท พี.พี.ดี. คอนสตรัคชั่น จำกัด เสนอราคา 7,108.96 ล้านบาท
นายนนทจิตต์ บ่วงสมบูรณ์ รักษาการรองผู้ว่าฝ่ายบริหาร กทพ.ในฐานะประธานกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา กล่าวว่า ซึ่งตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ได้กำหนดขั้นตอนการทำงาน จะตรวจสอบคุณสมบัติ เทคนิคและประเมินคะแนนรวมกับข้อเสนอด้านราคา ซึ่งจะมีการตรวจสอบรายละเอียดแต่ละรายการข้อเสนอด้านราคา เพื่อความถูกต้อง และสรุปผลการประมูลแต่ละสัญญา เสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ.อนุมัติในการประชุมวันที่ 23 พ.ค. จากนั้นจะประกาศผลประมูลและลงนามสัญญาต่อไป
ทั้งนี้ ราคาที่ผู้รับเหมายื่นน่าพอใจ โดยต่ำกว่าราคากลางที่ประเมินทุกสัญญา ซึ่งจะทำให้ กทพ.สามารถนำผลต่างส่วนที่เหลือไปใช้ในโครงการอื่นต่อไป ส่วนกรณีที่ผู้รับเหมาจีนเข้าร่วมประมูลและเสนอราคาต่ำสุดถึง 3 สัญญานั้น ยืนยันว่า ในการก่อสร้าง กทพ.มีระบบการควบคุมงานและเงื่อนไขต่างๆ ในการทำงานตามมาตรฐาน และคุณภาพของวัสดุอุปกรณ์ชัดเจน ดังนั้น ไม่ว่าผู้รับเหมารายใดจะต้องดำเนินการภายใต้คุณภาพเดียวกัน
สำหรับสัญญาที่ 5 งานระบบ วงเงินประมาณ 877.4 ล้านบาท เป็นงานด้านระบบควบคุมและการจัดเก็บค่าผ่านทางยังอยู่ในขั้นตอนประมูล โดยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ใช้วี (e-bidding) ซึ่งมีเอกชนยื่นซองรายเดียวซึ่งยังสรุปผลเสนอบอร์ด กทพ.ไม่ทันวันที่ 23 พ.ค.
“ร่างสัญญาอัยการเห็นชอบเรียบร้อย หลังบอร์ดกทพ.เห็นชอบจะเร่งลงนามสัญญาได้ทันที เพื่อให้ผู้รับเหมาเริ่มงานโดยเร็ว ซึ่งปัจจุบันการเวนคืนไปแล้วประมาณ 50% สามารถส่งมอบพื้นที่เป็นเฟสกับผู้รับจ้างได้ไม่มีปัญหา โดยใช้เวลาก่อสร้าง 36 เดือน (3 ปี) ยิ่งเสร็จเร็ว เปิดใช้ได้เร็วเท่าไหร่ กทพ.จะมีรายได้เร็วเท่านั้น เพราะเป็นเส้นทางที่ กทพ.บริหารจัดเก็บรายได้ค่าผ่านเอง”