หลังจากคณะกรรมการ PPP ยืนยันว่าโครงการ “ดิวตี้ฟรี” ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไม่เข้าข่ายต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ พ.ศ. 2562 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ เดินหน้าประกาศเปิดประมูลโครงการให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีผู้ประกอบการเอกชนซื้อซองดิวตี้ฟรี จำนวน 5 ราย โดยแต่ละรายล้วนเป็นผู้ประกอบการแถวหน้า
ทั้งบริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด, บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ผู้บริหารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส, บริษัท รอยัลออคิด เชอราตัน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ศึกชิงสัมปทานดิวตี้ฟรีสนามบินสุวรรณภูมิเริ่มเข้มข้น เมื่อเอกชนแต่ละรายที่ซื้อซองได้เปิดโฉมหน้าว่าใครจับมือ ร่วมทุนกลุ่ม Joint Venture (JV) กับใคร ซึ่งล้วนเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ดิวตี้ฟรีระดับโลกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบางกอกแอร์เวย์สของ “หมอเสริฐ” ที่ผนึกยักษ์ใหญ่อย่าง “ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี” จากเกาหลี อันดับท็อป 5 ของโลก เป็นตัวการันตีฝีมือการบริหารธุรกิจดิวตี้ฟรี
ขณะที่กลุ่มเซ็นทรัลจับมือพันธมิตรอย่างบริษัท ดีเอฟเอส เวนเจอร์ สิงคโปร์ จำกัด ผู้บริหารดิวตี้ฟรี และพื้นที่รีเทลในสนามบินซางฮี สิงคโปร์ ส่วนกลุ่มโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จับมือกับเอ็มไพร์ เอเชีย กรุ๊ปและ กลุ่ม WDFG UK LIMITED ดิวตี้ฟรีรายใหญ่ของโลก
ส่วนกลุ่มคิงเพาเวอร์ ยักษ์ธุรกิจดิวตี้ฟรีของประเทศไทย และบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ไม่ยื่นรายชื่อ Joint Venture
เกมชิงเค้กแสนล้าน ไทม์ไลน์บีบ-ข้อมูลน้อย วัดฝีมือดิวตี้ฟรีระดับโลก
และจากที่ ทอท.ได้ขายซอง วันที่ 1-18 เม.ย. 2562 จัดชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมกับผู้ซื้อซอง วันที่ 22 เม.ย. 2562 ต่อมาวันที่ 23 เม.ย. 2562 ได้พาดูสถานที่ประกอบกิจการ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และให้ยื่นซองประมูลในวันที่ 22 พ.ค. 2562 เท่ากับจะมีเวลาในการทำเอกสารข้อเสนอประมาณ 2 เดือน ซึ่งเงื่อนเวลาที่ค่อนข้างกระชั้น ทำเอาผู้ซื้อซองเกือบทุกราย ต้องกุมขมับ
ขณะที่ข้อมูลที่ ได้จาก ทอท.มีเพียงสถิติปริมาณเที่ยวบิน และจำนวนผู้โดยสาร ช่วงเดือน ม.ค. 2558 ถึงเดือน ก.พ. 2562, ขนาดพื้นที่ดิวตี้ฟรี ที่อาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 จำนวน 12,021 ตรม. ซึ่ง ทอท.ระบุว่าเป็นจำนวนพื้นที่ประมาณการเท่านั้น พร้อมแผนผังแสดงตำแหน่งที่ตั้งประกอบกิจการ โดย จะมีการวัดจำนวนเนื้อที่จริงในการดำเนินการอีกครั้งเมื่อผู้ชนะประมูลได้ก่อสร้างปรับปรุงตกแต่งพื้นที่เสร็จ ซึ่งทอท.จะใช้คำนวณค่าเช่าพื้นที่รายเดือนในสัญญา
ว่ากันว่า เอกชนที่ซื้อซอง ต่างพยายามสืบค้นหาข้อมูลตัวเลขเพิ่มเติมกันทุกวิธีเพราะข้อมูลที่มีจาก ทอท.ถือว่าน้อยมากสำหรับประกอบการจัดทำแผนธุรกิจ การคำนวณตัวเลขรายได้เพื่อทำข้อเสนอผลตอบแทน รวมถึงออกแบบร้าน เพราะตัวเลขผลประกอบการ ยอดขายที่ผ่านมาจริงๆ เป็นเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้เลย
วัดกำลัง “บางกอกแอร์เวย์ส-เซ็นทรัล” ชิงดำ “คิงเพาเวอร์”
ด้านนายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ผู้บริหารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ยืนยันว่าจะแข่งขันในการประมูลครั้งนี้อย่างเต็มที่แม้ว่า ดิวตี้ฟรีจะเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ แต่เพราะเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต ขณะที่บางกอกแอร์เวย์สต้องการขยายธุรกิจใหม่นอกเหนือจากสายการบิน ที่มีการแข่งขันสูง การมีธุรกิจอื่นที่เข้ามาเสริมและช่วยสร้างความเข้มแข็งรายได้ของบริษัทฯ ในระยะยาว ซึ่งการร่วมมือกับ “ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี” เพราะเป็นผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีที่มีความแข็งแกร่ง ประสบความสำเร็จและมีความเชี่ยวชาญด้านการตลาดในภูมิภาคเอเชียระดับต้นๆ
ส่วน “กลุ่มคิงเพาเวอร์” หายห่วง ด้วยความเป็นรายใหญ่ เป็นเจ้าเก่า ดูแลพื้นที่และธุรกิจนี้มาตั้งแต่เปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เรื่องข้อมูลสถิติตัวเลขต่างๆ และพฤติกรรมผู้โดยสาร ยอดขาย จัดว่าแน่นปึ้ก เรียกว่ารู้ทุกตารางนิ้วทุกซอกทุกมุมของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งในวงการพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านอกจากความพร้อมแทบทุกด้านแล้ว “คิงเพาเวอร์” ทุ่มหมดหน้าตักแน่นอนเพื่อรักษาพื้นที่ และครอบครองสัมปทาน “ดิวตี้ฟรี “ต่อ
ในแวดวงผู้ประกอบการธุรกิจดิวตี้ฟรี มองว่า อาจจะมีเอกชนยื่นซองถึง 4 กลุ่ม แต่คู่แข่งที่จะดุเดือด อาจจะเป็น กลุ่ม คือ “คิงเพาเวอร์” บางกอกแอร์-ล็อตเต้ และกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งประมูลรอบนี้น่าจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือด และวัดฝีมือว่าประสบการณ์จากการบริหารดิวตี้ฟรีระดับโลกนั้นจะดีพอที่จะคว้าสัมปทานนี้ไปจากเจ้าตลาดอย่างคิงเพาเวอร์ได้หรือไม่
เพราะใช่ว่าจะวัดกันว่าใครจะบริหารจัดการต้นทุนได้ต่ำ และเสนอผลตอบแทนให้ ทอท.ได้สูงกว่า หรือใครมีประสบการณ์มากกว่า หรือใครใจถึงมากกว่ากันเท่านั้น แต่ในวงการธุรกิจรู้กันดีกว่า การจะได้รับงานจาก ทอท.จะต้องฝ่าด่านหิน เงื่อนไขการพิจารณาคัดเลือกของ ทอท.ที่ว่ากันว่ายิ่งกว่า...ค่ายกล 8 ชั้น...ไปให้ได้อีกด้วย
ที่ผ่านมา ทอท.นั้น มีชื่อเสียๆ หายๆ เรื่องความโปร่งใส อย่างกรณีประมูลคัดเลือกที่ปรึกษาออกแบบโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นดราม่า ร้อนฉ่า กรณีปรับให้กลุ่มS.A.”แพ้ฟาล์ว” แบบค้านสายตาสังคม จากเหตุไม่ยื่นต้นฉบับใบเสนอราคา
ทอท.วางเกณฑ์เงื่อนไขการคัดเลือกการประมูลดิวตี้ฟรี โดยให้ยื่นเอกสาร 3 ซอง ได้แก่ 1.เอกสารแสดงคุณสมบัติ 2. เอกสารข้อเสนอด้านเทคนิค 3. เอกสารข้อเสนอผลตอบแทน
ดังนั้น กำหนดยื่นเอกสารประมูลวันที่ 22 พ.ค. 2562 เวลา 09.00-11.00 น. โดยจะเปิดคุณสมบัติ และประกาศรายชื่อผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไข ที่กำหนดในวันเดียวกัน เพราะหากเอกสารด้านคุณสมบัติก่อนหากคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ทอท.จะไม่รับข้อเสนอซองเทคนิคและซองค่าตอบแทน
นี่คือช็อตแรก! ที่วัดว่า จะมีใคร “ตกม้าตาย” ไปก่อนหรือไม่
โดยเฉพาะกลุ่มเอกชนที่ยื่นข้อเสนอในลักษณะกิจการร่วมค้า Joint Venture จะต้องตรวจเอกสารเอกสารหลักฐานกันทุกฉบับ ทุกตัวอักษรเลยทีเดียว เพราะหากผิดพลาดเพียงนิดเดียว งานนี้อาจมีแพ้ฟาวล์ได้ง่ายๆ แน่นอน
กรณีผ่านเกณฑ์ด้านคุณสมบัติจะเป็นขั้นตอนการพิจารณา ข้อเสนอด้านเทคนิค โดยเป็นการประเมินและคะแนน กำหนด 4 หัวข้อ ได้แก่ 1. ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในเชิงธุรกิจ 15 คะแนน 2. แผนการดำเนินงาน เช่น แนวคิดการบริหารจัดการ การออกแบบร้านค้า และการทำการตลาด ซึ่งมีคะแนนมากสุดที่ 40 คะแนน 3. แผนธุรกิจ เช่น การประมาณการรายได้ ความสามารถทางการเงิน 25 คะแนน 4. ผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี 20 คะแนน
ตามขั้นตอน เมื่อให้คะแนนซองเทคนิคแล้ว จะเปิดข้อเสนอผลตอบแทน และรวมคะแนนข้อเสนอด้านเทคนิค และข้อเสนอผลตอบแทน และเลือกรายที่ได้คะแนนรวมสูงสุด ซึ่งจะรู้ผลในวันที่ 31 พ.ค. 2562
“การพิจารณาของ ทอท.จะตัดสิน โดยใช้เกณฑ์ด้านเทคนิค รวมกับเกณฑ์ค่าตอบแทน แต่หากมีผู้ได้คะแนนรวมสูงสุดเท่ากันหลายราย ทอท.จะให้ยื่นซองเสนอค่าตอบแทนใหม่ ซึ่งจะต้องไม่ต่ำกว่าที่เสนอในครั้งแรก”
“สมรภูมิพื้นที่เชิงพาณิชย์” ดุเดือดไม่แพ้กัน
ในส่วนของการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีผู้สนใจซื้อซองจำนวน 4 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันที่ซื้อซองดิวตี้ฟรี คือ คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ, เซ็นทรัลพัฒนา, เดอะมอลล์ กรุ๊ป และไมเนอร์ อินเตอร์ฯ โดยเปิดให้ยื่นซองพร้อมกับดิวตี้ฟรี
โดยทั้ง 4 รายไม่ยื่นรายชื่อ Joint Venture (JV) ที่จะร่วมประมูลกิจกรรมเชิงพาณิชย์ (รีเทล) หรือจะเป็นการประกาศตัวว่ามีความแข็งแกร่งและชำนาญในธุรกิจรีเทล และพร้อมลงสนามชิงชัย โดยไม่ต้องอาศัยพันธมิตร และเชื่อว่า ประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ จะดุเดือดไม่แพ้ดิวตี้ฟรี
ผู้บริหาร ทอท.ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน “สุวรรณภูมิ” มีผู้โดยสารกว่า 64 ล้านคน/ปี และประเมินว่าในปี 2563 ผู้โดยสารจริงจะมีถึง 71 ล้านคน/ปี ขณะที่คาดว่าในปี 2565 ผู้โดยสารจะพุ่งไปถึงประมาณ 75 ล้านคน/ปี ผลประโยชน์มูลค่ามหาศาล ใครๆ ก็อยากได้