"สมคิด" ยอมรับเศรษฐกิจไทยปีนี้ชะลอตัวลงจากภาวะสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีนระลอกใหม่ แถมการเมืองไม่นิ่ง วอนการเมืองชัดเจนโดยเร็วทุกอย่างจะดีขึ้นได้เหตุพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งอยู่แล้ว สั่งพาณิชย์หารือทูตพาณิชย์รับมือส่งออก
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเปิดงาน Exponential Manufacturing Thailand 2019 ว่า ภาวะสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีนรอบใหม่จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัว ประกอบกับสหรัฐฯ มองว่าไทยแทรกแซงค่าเงินบาทก็จะทำให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม พื้นฐานเศรษฐกิจของไทยดีอยู่แล้วยังสามารถประคองภาวะที่เกิดขึ้นได้และหากการเมืองไทยเดินหน้าทุกอย่างก็จะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น จึงต้องการให้การเมืองเร่งมือให้มีความชัดเจนเร็วที่สุด
ทั้งนี้ จากผลกระทบสงครามการค้าที่จะมีกับภาคส่งออกของไทยภายในไม่เกินสิ้นเดือน พ.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะมีการประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกก็จะได้ใช้โอกาสนี้ประชุมกับทูตพาณิชย์ ขณะนี้ได้สั่งการให้เตรียมลู่ทางที่ชัดเจนว่าจะแก้เกมได้อย่างไรเพื่อให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด เพราะสงครามการค้าเองแม้จะส่งผลลบแต่ก็ยังมีเชิงบวกเช่นกัน ส่วนการลงทุนที่ชะลอตัวขณะนี้เพราะรอดูการเมืองให้นิ่งก่อนนั้นเชื่อว่าเป็นการชะลอตัวในระยะสั้น
"การลงทุนของไทยยังมีศักยภาพ โดยในเดือนมิถุนายนรัฐบาลจีนจะนำคณะนักลงทุนจีนมาดูลู่ทางการลงทุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซีเพิ่มเติมเพื่อสานต่อโครงการเส้นทางสายไหม ซึ่งรัฐบาลไทยพยายามที่จะสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย จีน กับญี่ปุ่น" นายสมคิดกล่าว
ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่แท้จริง คือโครงสร้างเศรษฐกิจที่ขณะนี้ภาพรวมผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำและผลิตภาพต่ำ ค่าจ้างแรงงานจึงไม่ได้รับการปรับขึ้น การผลิตส่วนใหญ่เน้นส่งออก เพราะในประเทศอำนาจซื้อไม่เพียงพอ ที่ส่งออกสินค้าได้อาศัยปัจจัยเงินบาทอ่อน ผู้ส่งออกไทยส่วนใหญ่ไม่แข็งแรง โดยมีรายใหญ่ประมาณ 20 บริษัทที่แข่งขันทั่วโลกได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคของเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจไทยจึงโตได้ดีสุดเพียง 4.8% ไม่ถึง 5% เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเข้ามากระทบเศรษฐกิจไทยจึงชะลอตัวลง เพราะไทยพึ่งพิงการส่งออก ขณะที่คนยากจนยังมีอยู่เพราะถูกตัดโอกาส อย่างไรก็ตาม หากนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจะแก้ไขปัญหาได้
"สิ่งสำคัญคือภาคการเกษตร ซึ่งขณะนี้รัฐบาลไทยมีความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นนำ IoT และ BigData เข้ามาจะช่วยพลิกโฉมภาคการผลิตไทยให้เปลี่ยนแปลง เพื่อช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทขนาดใหญ่" นายสมคิดกล่าว