ผู้จัดการรายวัน 360 - “เม่งเซ้ง” เร่งแตกไลน์หลังตลาดหมากฝรั่งถดถอย “คิดคิด” ยอดขายตกกว่าครึ่ง ปั้นธุรกิจใหม่เฮลตี้อาหารและอุปโภค นำร่องรุกตลาดนมถั่วเหลือง เผยปีนี้ใช้งบลงทุนรวม 20 ล้านบาท หวังดันรายได้รวมทะลุ 3,000 ล้านบาท
นางสาวริศร์สุ แต้มคงคา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานลูกกวาดเม่งเซ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการวางแผนขยายไลน์ธุรกิจเพิ่ม โดยเน้นไปที่กลุ่มสินค้าบริโภคและอุปโภคหรืออาหารและไม่ใช่อาหาร จากเดิมที่มี 3 กลุ่มหลัก คือ 1. สารให้ความหวาน สัดส่วนรายได้ 80% 2. เทรดดิ้ง นำเข้าสินค้ามาจำหน่าย 15% และ 3. หมากฝรั่งแบรนด์คิดคิด สัดส่วน 5% จากรายได้รวม 2,500 กว่าล้านบาทในปีที่แล้ว (2561)
การแตกไลน์ขยายธุรกิจครั้งนี้ถือเป็นการพยายามสร้างรายได้ให้องค์กรเติบโต โดยคาดหวังว่าภายในปี 2562 นี้หรือปีหน้าจะมีรายได้รวมประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยปีนี้วางแผนที่จะใช้งบประมาณการลงทุนขั้นต่ำรวมกว่า 20 ล้านบาท
เนื่องจากว่าธุรกิจเดิมอย่าง 2 กลุ่มแรกยังมีการเติบโตต่อเนื่อง แต่ตลาดหมากฝรั่งนั้นเป็นตลาดที่ถดถอยลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จากที่ตลาดรวมเคยมีมูลค่ามากถึง 3,000 กว่าล้านบาทเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา กลับลดลงเหลือประมาณ 2,000 กว่าล้านบาทในปีที่แล้ว
ขณะที่ยอดขายของหมากฝรั่งคิดคิด ที่อดีตเคยมียอดขายมากกว่า 500 ล้านบาท ปัจจุบันหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 200-300 กว่าล้านบาทต่อปีเท่านั้น โดยมี 3 รสชาติหลัก คือ รสส้ม รสสตรอเบอร์รี รสเปปเปอร์มินต์
สาเหตุหลักที่ตลาดรวมหมากฝรั่งตกลงเพราะว่าคนไทยลดการบริโภคหมากฝรั่งลงมาก ตลาดรวมไม่มีนวัตกรรม อีกทั้งมีลูกอมเข้ามาแย่งตลาด ซึ่งบางแบรนด์ที่ใหญ่ๆ ก็ถอยออกจากตลาดไปบ้างแล้วก็มี เหลือผู้เล่นหลักในตลาดไทยไม่กี่ราย เช่น เดนทีน (มีหลายแบรนด์), ริกซ์ลี่, ล็อตเต้ และคิดคิดที่เป็นแบรนด์ไทยมีอายุกว่า 35 ปี เป็นต้น โดยที่คิดคิดเน้นช่องทางเทรดิชันนัลเทรดเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลาดรวมหมากฝรั่งในไทยมีมูลค่า 2,000 กว่าล้านบาท ตกลงจากเมื่อช่วง 5 ปีที่แล้วที่มีมูลค่าสูงถึง 3,000 กว่าล้านบาท หรือตกลงเฉลี่ย 10% ต่อปี และล่าสุดปีที่แล้วตลาดรวมติดลบถึง 14% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ไม่ดีส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และผู้บริโภคมีทางเลือกในการสร้างความสดชื่นอื่นมาก เช่น การอมลูกอม
โดยตลาดรวมหมากฝรั่งในไทยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มลมหายใจสดชื่น สัดส่วน 48.8% 2. กลุ่มลมหายใจสดชื่นเข้มข้น สัดส่วน 13.3% 3. กลุ่มรักษาสุขภาพฟัน สัดส่วน 11.7% 4. กลุ่มให้ความเพลิดเพลินเช่นแบบมีไส้ สัดส่วน 10.2% และ 5. กลุ่มเพื่อความสนุกสนาน สัดส่วน 16% โดยสองกลุ่มหลังเป็นกลุ่มที่ยังเติบโตดี ประมาณ 7%
นางสาวริศร์สุกล่าวว่า เราเคยที่จะลงทุนซื้อเครื่องจักรผลิตหมากฝรั่งแบบสอดไส้ สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อเพราะดูแล้วอาจจะไม่คุ้มทุน จึงขยายสินค้าอื่นดีกว่า และธุรกิจใหม่ที่มีแผนจะเข้าไป อาทิ สินค้าเพื่อสุขภาพ เพราะเป็นแนวโน้มที่เติบโตดี ซึ่งตลาดที่สนใจและเตรียมเข้าตลาด เช่น ตลาดนมถั่วเหลือง มีมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท (ปัจจุบันแบรนด์แลคตาซอยแชร์ 55% ไวตามิ้ลค์ 27% ดีน่า 15% ที่เหลืออื่นๆ) จากนั้นเตรียมที่จะเข้าสู่ตลาดนมถั่วต่อไป ทั้งนี้คาดว่าภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้จะเริ่มทำตลาดได้
ล่าสุดหมากฝรั่งแบรนด์ คิดคิด ได้มีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เพื่อเป็นการตอกย้ำแบรนด์ในรอบ 35 ปี โดยการรีเฟรชแบรนด์ด้วยการจับมือกับ สยามเซ็นเตอร์ และไทยดีไซเนอร์ 3 แบรนด์ดังของไทย ย้อนรอยความทรงจำเจนเอ็กซ์และเจนวาย สร้างสรรค์แฟชั่นหมากฝรั่งยุค 90 ผสมผสานกับแฟชั่นยุคเจเนอเรชันอัลฟ่า แบบลิมิเต็ด อีดิชัน อัลฟ่า คือ 1. Fox Pixel แบรนด์เสื้อผ้าชุดลำลองยูนิเซ็กซ์, 2. เอพริลพูลเดย์ (April Pool Day) ชุดว่ายน้ำวินเทจ และ 3. แบรนด์ She กระเป๋าแฮนด์เมด
นอกจากนั้นยังมี กล่องคิดคิด ปี๊บสังกะสี จำนวนจำกัด เพื่อเป็นการสะสม ซึ่งสินค้าที่ร่วมมือกับไทยดีไซเนอร์จะมีจำหน่ายจำนวนจำกัดที่ร้านแอบโซลูท สยาม สโตร์ สยามเซ็นเตอร์ ชั้น 1 ที่เดียวเท่านั้น