xs
xsm
sm
md
lg

“เถ้าแก่น้อย” ลดเสี่ยงสแน็กลุยเจแปนฟูด คว้าไลเซนส์ข้าวแกงกะหรี่ “ฮิโนยะ เคอรี่”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการรายวัน 360° - เถ้าแก่น้อยเร่งลดเสี่ยง เหตุท่องเที่ยวไม่นิ่ง สยายปีกลุยธุรกิจร้านอาหารเต็มกำลัง ปีเดียวผุด 2 แบรนด์ คาดสิ้นปีรายได้ 400 ล้านบาท อีก 5 ปีทะลุ 1,000 ล้านบาท นำร่องคว้าไลเซนส์ข้าวแกงกะหรี่ “ฮิโนยะ เคอรี่” จากญี่ปุ่น

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จำกัด ในเครือเถ้าแก่น้อย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจสแน็กสาหร่ายยังมีแนวโน้มการเติบโตดีในไตรมาสสองปี 2562 นี้ เพราะราคาวัตถุดิบสาหร่ายปรับตัวลดลงกว่า 15% บวกกับมีออเดอร์จากทางอเมริกาเข้ามามากขึ้น ทำให้ยอดขายช่วงไตรมาสสองปีนี้จะดีกว่าไตรมาสหนึ่ง ขณะที่ภาพรวมท่องเที่ยวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยนิ่ง มีผลต่อยอดขายบ้าง ทางบริษัทฯ จึงต้องมีการปรับตัวเพื่อบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยง

ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงได้วางแผนในการขยายธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ภายใต้บริษัท เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ โดยล่าสุดนี้ได้ขยายตัวเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหาร ล่าสุดบริษัทเป็นผู้ได้รับสิทธิ์เป็นผู้บริหารหรือเอ็กซ์คลูซีฟแฟรนไชส์ร้านข้าวแกงกะหรี่ “ฮิโนยะ เคอรี่” จากญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยเปิดให้บริการสาขาแรกที่เดอะมาร์เก็ต แบงคอก ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าเบื้องต้นได้รับการตอบรับดีมียอดขาย 700-800 จานต่อวัน สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 300 จานต่อวัน ปีนี้จึงวางแผนจะขยายอีก 3 สาขา ลงทุนสาขาละ 3 ล้านบาท ตั้งเป้า 2 ปีจะมี 10 สาขา และมีรายได้ 100 ล้านบาท

สำหรับ “ฮิโนยะ เคอรี่” หลังเปิดให้บริการในไทยได้ 20 สาขา จะพิจารณาขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ต่อไป หรือ 3 ปีหลังจากนี้จะต้องขยายสาขาให้ได้ 100 สาขา ซึ่งแผนการขยายตลาดในตลาดต่างประเทศ มองว่าเถ้าแก่น้อยมีศักยภาพจากการส่งออก น่าจะทำให้ ฮิโนยะ เคอรี่ เติบโตต่อไปได้

ร้านฮิโนยะ เคอรี่ ข้าวแกงกะหรี่สาขาแรกในเมืองไทย ณ เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก มีพื้นที่ราว 80 ตารางเมตร รองรับลูกค้าได้ 45 ที่นั่ง ใช้งบลงทุนราว 4-5 ล้านบาท ภายในร้านมีเมนูข้าวแกงกะหรี่หน้าต่างๆ ให้เลือกเกือบ 30 รายการ ในขนาด S M และ L มีราคาเริ่มต้นที่ 140 บาท โดยเมนูไฮไลต์ ได้แก่ ข้าวแกงกะหรี่หน้าไข่ดิบ (ราคาเริ่มต้นที่ 160 บาท), ข้าวแกงกะหรี่หมูทอดทงคัตสึ (ราคาเริ่มต้นที่ 220 บาท), ข้าวแกงกะหรี่ไก่ทอดซอสนัมบัง (ราคาเริ่มต้นที่ 210 บาท) ฯลฯ

ล่าสุดยังเปิดตัวเมนูใหม่อีก 7 เมนู ได้แก่ “ข้าวแกงกะหรี่โนริสาหร่ายเถ้าแก่น้อย (ราคาเริ่มต้นที่ 160 บาท)” ที่ผสมผสานความหอมอร่อยกลมกล่อมของสาหร่ายเถ้าแก่น้อย เข้ากับความเข้มข้น 3 มิติของแกงกะหรี่ฮิโนยะได้อย่างลงตัว และยังเอาใจคนรักเนื้อวัว ด้วยเมนูวากิว หรือเนื้อวัวจากญี่ปุ่น “ข้าวแกงกะหรี่วากิวอะบุริ” ที่คัดสรรเนื้อวากิวชั้นดีนำมาลนไฟ รับประทานคู่กับไข่ดิบ (ราคาเริ่มต้นที่ 380 บาท) และเมนูข้าวแกงกะหรี่แฮมเบิร์กเนื้อ (ราคาเริ่มต้นที่ 240 บาท) ท้ายสุดเมนูพิเศษรวมท็อปปิ้งยอดนิยมให้คนรักแกงกะหรี่ได้อิ่มฟินอย่างจุใจในจานเดียว คือเมนู “ข้าวแกงกะหรี่จัมโบ้ รวม 6 อย่าง หมูทงคัตสึ, ไก่นัมบัง, ชีสย่าง, ไข่แดง, กุ้งทอด และไส้กรอก (ราคาเริ่มต้นที่ 440 บาท)” ทั้งหมดนี้พร้อมให้คอแกงกะหรี่ลิ้มลองตั้งแต่ 29 เมษายน 2562 เป็นต้นไป

นอกจากนั้นยังมีแพลนเปิดตัวเมนูใหม่อีกล็อต ได้แก่ ข้าวแกงกะหรี่ซี่โครงหมูบาร์บีคิว (ราคาเริ่มต้นที่ 380 บาท), ข้าวแกงกะหรี่ปลาแซลมอนคัตสึ (ราคาเริ่มต้นที่ 240 บาท), อุด้งแกงกะหรี่ฮิโนยะ (ราคาเริ่มต้นที่ 200 บาท) ที่จะพร้อมบริการวันที่ 1 มิ.ย.นี้


สาขาที่สอง คือ ชั้น 2 Cosmo plaza เมืองทองธานี เปิดบริการวันที่ 29 พ.ค.ที่จะถึงนี้ พร้อมเดินหน้าขยายสาขาให้ได้ 100 สาขาภายใน 10 ปี ในรูปแบบรับประทานในร้าน (Dine in) บริการนำกลับบ้าน (Take Aways) และบริการส่งถึงบ้าน (Delivery) ทั้งนี้ ธุรกิจประเภทดังกล่าวมีระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ยประมาณ 2 ปี

“เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ บริษัทฯ จึงรุกธุรกิจร้านอาหารมากขึ้น โดยปีนี้จะมี 2 แบรนด์ ปลายปีจะเปิดเพิ่มอีก 1 แบรนด์จากต่างประเทศเช่นกัน โดยคาดหวังให้แต่ละแบรนด์เป็นเดสติเนชันของอาหารประเภทนั้นๆ จากปัจจุบันตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นเมืองไทยมีมูลค่า 22,000 ล้านบาท โต 15% มีร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก ไม่ว่าเป็นร้านราเมน ร้านซูชิ ร้านทงคัตสึ รวมถึงร้านข้าวแกงกะหรี่ ส่วนกลุ่มข้าวแกงกะหรี่มีสัดส่วนที่เล็กมาก มีรายใหญ่รายเดียวในตลาด คือ โคโค่ อิจิบังยะ จากผู้ประกอบการที่น้อยราย ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาบริโภคข้าวแกงกะหรี่มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนไทยที่นิยมไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ทำให้มองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจและการสร้างตลาดข้าวแกงกะหรี่ให้เติบโตขึ้น

นายอิทธิพัทธ์กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมา เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ มีรายได้ 280 ล้านบาท จากร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ทั้งหมด 20 สาขา สิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 27 สาขา ลงทุนสาขา 1-3 ล้านบาท บวกกับร้านอาหารที่จะเปิดอีก 3-4 สาขา ส่งผลให้ปีนี้น่าจะทำรายได้ 400 ล้านบาท มาจาก เถ้าแก่น้อยแลนด์ 90% และร้านอาหาร 10% และอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท หรือในปี 2566 เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จะทำรายได้ให้บริษัทที่ 15% จากปัจจุบันอยู่ที่ 7-8%

นายฮิอูระ มาซารุ (Mr. Hiura Masaru) เจ้าของร้านและเชฟชื่อดัง ผู้สืบทอดสูตรข้าวแกงกะหรี่ดั้งเดิมตั้งแต่สมัยโชวะ “Hinoya Curry” (ฮิโนยะ เคอรี่) กล่าวว่า แกงกะหรี่ฮิโนยะคิดค้นโดยคุณย่า ปรุงโดยคุณพ่อ ผ่านการคิดค้น ทดลองให้มีมิติที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในรุ่นลูกคือเขาเอง ถือเป็นแกงกะหรี่พรีเมียมที่มีมิติแปลกใหม่ คงเสน่ห์ของความดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น แต่เพิ่มเติมมิติที่สามด้วยส่วนผสมกว่า 90 ชนิด เช่น กล้วย มะม่วง องุ่นแห้ง และลูกพีช และเครื่องเทศกว่า 26 ชนิด ฯลฯ จนมีเอกลักษณ์ตามสโลแกน “คำแรกหวาน คำที่สองเผ็ดร้อน คำสุดท้ายหอมกรุ่นอยู่ในปาก” ถูกปากชาวญี่ปุ่น ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ ฮิโนยะ เคอรี่ ต้องขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้ ฮิโนยะ เคอรี่ กลายเป็นร้านขวัญใจคนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว คุ้มค่า รวมถึงกลุ่มวัยกลางคนถึงสูงอายุด้วยรสชาติที่กลมกล่อม เข้มข้นแบบดั้งเดิม แต่แปลกใหม่ จนเติบโตมีสาขารวม 57 แห่ง พร้อมกับการเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง ด้วยคอนเซ็ปต์ “แกงมิดข้าว” อร่อยจุใจ พร้อมรสสัมผัสตั้งแต่แรกเริ่ม ด้วย “คำแรกหวาน คำที่สองเผ็ดร้อน คำสุดท้ายหอมกรุ่นอยู่ในปาก”


กำลังโหลดความคิดเห็น