ผู้จัดการรายวัน 360 - อเวนเจอร์สเผด็จศึก ทุบสถิติรวดแม้ราคาตั๋วพุ่ง 20% รายได้ทะลุ 600 ล้านแล้ว ด้าน MAAT ชี้สื่อโฆษณาโรงหนังปีนี้ติดลบ 11% ปีแรก เหตุสื่ออื่นเบียด
"ผมอยากเห็นหนังเข้าฉายวันแรกในไทยแล้วทำรายได้ 100 ล้านบาท ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็นในไม่ช้า มันเป็นไปได้แน่นอน โดยเฉพาะหนังฮอลลีวูด ส่วนหนังไทยนั้นมีโอกาสเช่นกัน หากมีจำนวนภาพยนตร์มากเพียงพอที่จะเข้าถึงคนไทย โดยเฉพาะในต่างจังหวัด " ความใฝ่ฝันของนายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เจ้าพ่อโรงหนังแห่งยุคนี้ ที่เคยบอกกล่าวไว้อยู่เสมอ
วันนี้ อเวนเจอร์ : เผด็จศึก ทำให้เห็นแล้วว่า 100 ล้านบาทในวันแรกที่เข้าฉายปี 2562 นี้มันเกิดขึ้นได้จริง ส่วนหนังไทยเชื่อว่าจะเห็นในไม่ช้าเช่นกัน
ไล่ทุบสถิติง่ายๆ แบบดีดนิ้ว
"อเวนเจอร์ส : เผด็จศึก" ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในประเทศไทยที่สามารถทุบสถิติ เข้าฉายวันแรกทำรายได้ทะลุเกิน 100 ล้านบาท หรือทำได้กว่า 150 ล้านบาท (เฉพาะโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ฯ) และยังคงไต่ทะยานเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งตัวเลขล่าสุดเพียงเข้าฉาย 3 วันแรกทำรายได้เร็วสุดสู่ 500 ล้านบาท ล่าสุดรายได้ตั้งแต่วันที่ 24-28 เมษายน ทะลุ 600 ล้านบาทแล้ว คาดว่าเพียงระยะไม่เกิน 1 อาทิตย์น่าจะทำรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท เร็วสุดที่เคยเกิดขึ้นในไทยเช่นกัน
ส่วนจะเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดทั่วโลกที่ต้องทำได้ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ลุ้นกันอยู่
จากสถิติที่ผ่านมา "ไททานิค" เคยเป็นภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์อันดับที่ 1 นาน 12 ปี ด้วยมูลค่ามากถึง 1,848,813,795 ดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก จนกระทั่งในปี 2010 ภาพยนตร์ อวตาร โดยฝีมือผู้กำกับคนเดียวกัน เจมส์ คาเมรอน ทำรายได้สูงสุดแทนที่ไททานิค โดยทำรายได้ไปกว่า 2,788 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม อเวนเจอร์สภาคนี้ นอกจากทุบสถิติทำรายได้ 100 ล้านบาทเพียงชั่วข้ามคืนแล้ว ยังเป็นภาพยนตร์ที่สร้างสถิติอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ยอดจองตั๋วล่วงหน้ากว่า 650,000 ใบ ทำลายสถิติของภาพยนตร์มาร์เวลที่มียอดจองตั๋วล่วงหน้าในไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์รองจาก Avengers : Infinity War ภาคก่อนหน้าเท่านั้น
พร้อมสร้างปรากฏการณ์โรงภาพยนตร์เปิดให้บริการรอบเช้าสุดตั้งแต่ 6 โมงเช้า และรอบดึกสุด คือ ตี 3 ซึ่งมีเพียงภาพยนตร์ 2 เรื่องที่ทำได้ คือ Avengers : Infinity War และ Avengers : Endgame และทำให้โรงภาพยนตร์สาขาอื่นเปิดให้บริการตั้งแต่ 8 โมงเช้าเป็นครั้งแรก อย่าง เอสพละนาด รัชดา อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ชิงพื้นที่โรงหนังไปถึง 98% ของจำนวนโรงหนังทั้งหมดในเครือเมเจอร์ ซึ่งตัวเลข ณ สิ้นปี 2561 เมเจอร์มีสาขารวม 160 สาขา 770 โรง รวมกว่า 176,435 ที่นั่ง แบ่งเป็น กทม.และปริมณฑล 43 สาขา 349 โรง จำนวน 79,003 ที่นั่ง ต่างจังหวัด 110 สาขา 385 โรง จำนวน 89,402 ที่นั่ง หรือมีเพียง 2% เท่านั้นที่ฉายภาพยนตร์เรื่องอื่นในช่วงเดียวกัน
อีกทั้งจากการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาวถึง 3 ชม. 58 วินาที หรือเฉลี่ยเท่ากับหนัง 2 เรื่อง ทำให้ทางโรงภาพยนตร์ต้องมีการปรับราคาตั๋วหนังขึ้น 10-20% ตามกลไกของช่วงเวลาที่โรงหนังนั้นสูญเสียการทำรอบฉายหนังได้น้อยลง ซึ่งเป็นราคาที่ผู้ชมยอมรับได้ และไม่ได้ทำให้การซื้อตั๋วหนังเรื่องนี้ลดลง แต่กลับยิ่งมากขึ้น จนทำให้เกิดการต่อคิวซื้อตั๋วยาวบริเวณหน้า box office ที่ขายตั๋วหน้าโรง
สถานการณ์เช่นนี้ นายวิชาได้สั่งการให้จัดสรรเพิ่มจำนวนรอบมากขึ้นให้เพียงพอต่อการเข้าชมในแต่ละวัน โดยที่ผู้ชมไม่ต้องเสียเวลารอคิวยาว มาแล้วต้องได้ดู
ขณะเดียวกันยังพบว่ามีลูกค้าเหมารอบเพื่อชมภาพยนตร์เรื่องนี้สูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน หรือมากกว่าปกติเป็นเท่าตัว ซึ่งเป็นลูกค้าในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคอนซูเมอร์โปรดักต์ อสังหาริมทรัพย์ และสถาบันการเงิน เป็นต้น ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้จำนวนรอบฉายไม่เพียงพอต่อผู้ชมที่ซื้อตั๋วชมปกตินั่นเอง
ชุดเซตเครื่องดื่ม-ป็อปคอร์น เกลี้ยงก่อนหนังฉาย
สำหรับใครที่ตั้งใจซื้อเครื่องดื่ม-ป็อปคอร์น อเวนเจอร์ส เซต ในวันที่หนังเข้าฉายวันแรก จะพบว่าส่วนใหญ่สินค้าหมด ทั้งที่ทางเมเจอร์ทำออกมาให้ได้สะสมกัน ส่วนหนึ่งมาจากความนิยมที่สูงเกินคาด
ทั้งนี้ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ทางเมเจอร์จะผลิตแก้วและถังป็อปคอร์นดีไซน์พิเศษตามหน้าหนังแต่ละเรื่องปกติจะผลิตออกมาอยู่ที่ 40,000-50,000 ชุด และจำหน่ายตามระยะเวลาที่กำหนด หากหมดก่อนจะไม่ผลิตออกมาใหม่ แต่หากจำหน่ายไม่หมดจะทำลายทิ้งเพราะเป็นสินค้าลิขสิทธิ์ เช่นเดียวกับชุดแก้วน้ำและป็อปคอร์น เรื่อง อเวนเจอร์ส เอนด์เกม ซึ่งลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์นี้เป็นของทางดิสนีย์ ที่ทางเมเจอร์ได้มาในราคาพิเศษ เพราะเป็นการทำขึ้นเพื่อโปรโมตหนัง จึงเป็นคนละราคากับที่สินค้าตัวอื่นๆ ได้ไป และเนื่องจากเป็นการทำขึ้นเพื่อโปรโมตหนัง จึงมีการวางจำหน่ายก่อนหนังเข้าฉาย 1-2 อาทิตย์ ทำให้ช่วงเวลานี้สินค้าหมดเกือบทุกสาขา
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางเมเจอร์เตรียมปล่อยเซตชุดเครื่องดื่ม-ป็อปคอร์นชุดใหม่ออกมาให้ผู้ที่ซื้อไม่ทันได้ครอบครอง ซึ่งน่าจะผลิตและวางจำหน่ายได้ทันในอาทิตย์นี้
MAAT ทำนายโฆษณาในโรงหนังติดลบ 11%
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขความแรงของอเวนเจอร์ส : เผด็จศึก กลับดูสวนทางกับการวิเคราะห์ตัวเลขสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ปีนี้ ที่คาดว่าจะทำได้เพียง 6,319 ล้านบาท ติดลบ 11% เป็นปีแรก ซึ่งที่ผ่านมาสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์โตต่อเนื่องทุกปีจากจำนวนโรงที่เพิ่มขึ้น โดยปี 2561 ที่ผ่านมามีมูลค่า 7,100 ล้านบาท โต 4%
นายไตรลุจน์ นวะมะรัตน นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) กล่าวว่า ปี 2562 นี้ทางสมาคมฯ คาดการณ์ว่าเม็ดเงินสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์น่าจะติดลบ 11% เนื่องจากการมาของเทคโนโลยี และการแทนที่ของสื่ออื่นๆ ที่ชิงพื้นที่คนดูไป เช่น AIS ที่มีบริการรับชมบนมือถือ หรือแพลตฟอร์มดูหนังออนไลน์ต่างๆ ที่กำลังเป็นที่นิยม สื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์จึงอาจจะถูกลดความสำคัญลง สิ่งที่จะช่วยได้และจะเห็นมากขึ้น คือ การจัดอีเวนต์ในโรงภาพยนตร์
ขณะที่แหล่งข่าวจากเมเจอร์กล่าวว่า ตัวเลขที่ทาง MAAT แจ้งว่าสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์จะติดลบ 11% นั้นเป็นการคาดการณ์และมองในภาพรวมเท่านั้น แต่สำหรับเมเจอร์เองมั่นใจว่ารายได้จากการขายโฆษณาในพื้นที่โรงหนังในเครือทั้งหมดจะเติบโตกว่า 40-50% จากที่ตั้งเป้าไว้ในปีนี้
ส่วนหนึ่งมาจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น และจากรายชื่อหนังที่เข้าฉายที่มีหนังทำเงินอยู่หลายเรื่อง เช่น อเวนเจอร์ส : เอนด์เกม ที่เข้าฉายอยู่ในขณะนี้ หรือ สไปเดอร์แมน : ฟาร์ ฟอร์ม โฮม เป็นต้น
จากความฟีเวอร์ของอเวนเจอร์ส : เผด็จศึก เชื่อว่าในความรู้สึกของแฟนตัวยงมาร์เวลจะส่งผลถึง สไปเดอร์แมน : ฟาร์ ฟอร์ม โฮม ที่จะเข้าฉายต้นเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้อย่างล้นหลาม และน่าจะเป็นหนังอีกเรื่องที่ทำรายได้อย่างน่าสนใจ เพราะถึงแม้อเวนเจอร์สจะจบลง แต่ความรู้สึกของคนดูไม่จบตาม สไปเดอร์แมนจึงเป็นกลิ่นอายของอเวนเจอร์สที่เหลืออยู่ รวมถึงส่งต่อการไปเปิดจักรวาลใหม่ๆ ที่มาร์เวลจะนำมาให้ได้ชมในเฟสต่อไป.