นายสุรนาม พานิชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทฟุซัง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมถั่วเหลืองพาสเจอไรซ์ “โทฟุซัง” เปิดเผยว่า ในปี 2562 นี้บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อเนื่อง หลังจากที่กำลังการผลิตจากโรงงานเดิมพื้นที่ 15 ไร่ ที่ลงทุนในเฟสที่ 2 จะเดินเครื่องผลิตได้ประมาณกลางปีนี้ จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 400,000 ขวดต่อวัน จากเดิมเฟสที่ 1 มีกำลังผลิต 200,000 ขวดต่อวัน ด้วยงบลงทุนเฟสที่ 2 ประมาณ 100 กว่าล้านบาท
โดยตลาดในประเทศจะขยายตลาดช่องทางฟูดเซอร์วิสมากขึ้นจากเดิมมีสัดส่วนประมาณไม่ถึง 10% และมีลูกค้ารายหลักยังไม่มาก เช่น โรงพยาบาล โรงแรม และร้านอาหารที่เป็นเชนอีกหลายราย เป็นต้น ซึ่งยังอยู่ระหว่างการเจรจากับโรงแรมของไทยอีก 1 รายใหญ่ รวมทั้งร้านอาหารอื่นๆ คาดว่าปีนี้จะเพิ่มอีกประมาณ 10 รายที่เป็นเชน
ขณะที่ช่องทางหลักเดิมคือ โมเดิร์นเทรดมีความแข็งแกร่งและครอบคลุมอยู่แล้ว แต่จะขยายในแง่ของสินค้าและจำนวนสาขา
นอกจากนั้นจะขยายตลาดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กเพิ่มขึ้น ด้วยแบรนด์รองคือ ซอยป๊อป ที่เพิ่งทำตลาดไม่นานนี้ เป็นแบรนด์ที่จับกลุ่มเป้าหมายเด็กโดยเฉพาะ ขณะที่แบรนด์โทฟุซังนั้น กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนเริ่มทำงาน วัยรุ่น และผู้ใหญ่ และคนรักสุขภาพ
ล่าสุดทั้งสองแบรนด์ในไทยได้ลิขสิทธิ์ต่อเนื่องจากทางวอลท์ ดิสนีย์ ในการนำคาแรกเตอร์ของภาพยนตร์อเวนเจอร์ส เผด็จศึก (Marvel Studios’ Avengers Endgame) ตัวละครมาพิมพ์ลงบนขวดโทฟุซังและซอยป๊อป โดยโทฟุซังได้นำตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลกับ 3 รสชาติ คือ ไอรอนแมนและกัปตันมาร์เวล รสออริจินัล, แบล็ควิโดว์และกัปตันอเมริกา รสหวานน้อย, แอนท์แมนรสแมงลัก ส่วนแบรนด์ซอยป๊อป เป็นครั้งแรกที่ทำบรรจุภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบของตัวละครมาร์เวล อเวนเจอร์ส มินิ ฮีโร่กับ 2 รสชาติ คือ ลายไอรอนแมน และธอร์ รสออริจินัล กับลายฮัลค์ และธานอส รสฮอกไกโดเมลอน รวมทั้งมีแคมเปญและกิจกรรมอื่นๆ ต่อเนื่องด้วย
“ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ต่อยอดจากความสำเร็จครั้งแรกของปีที่แล้วที่ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่างวอลท์ดิสนีย์ ทั้งการเปิดตัวโทฟุซัง และซอยป๊อป กับคอลเลกชัน มาร์เวล คาวาอิ และคอลเลกชัน ดิสนีย์ ซูม ซูม คริสต์มาส เมื่อปีที่แล้ว โดยมียอดขายเพิ่ม 50% และปริมาณลูกค้าใหม่เพิ่ม 30% ซึ่งเมื่อแคมเปญจบลง การเติบโตก็เข้าสู่ปกติ เฉลี่ย 15-20% ส่วนปีนี้คาดว่าจากแคมเปญนี้จะทำให้โทฟุซังเพิ่มลูกค้าใหม่ 50% ส่วนซอยป๊อปเติบโต 30% แต่ที่สำคัญคือ เราภูมิใจที่ว่าแบรนด์ระดับโลกอย่างมาร์เวลตัดสินใจให้เราร่วมเป็นพันธมิตรด้วย เพราะเราเองก็เป็นแค่แบรนด์ไทยธรรมดาเล็กๆ แบรนด์หนึ่งเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายหรือค่าลิขสิทธิ์ขอไม่เปิดเผย” นายสุรนามกล่าว
ส่วนตลาดต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจในหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นต้น โดยจะทำการแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายในแต่ละพื้นที่ จากเดิมที่มีแล้ว 2 ตลาด คือ ที่ดูไบ กับที่จีน (เริ่มที่เซี่ยงไฮ้ กับกว่างโจว ก่อนขยายไปยังเมืองอื่น โดยวางขายในโมเดิร์นเทรดใหญ่ ทั้งลอว์สัน เซเว่นอีเลฟเว่น เป็นต้น) ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศมีประมาณ 5% เท่านั้น ตั้งเป้าหมายภายในช่วง 3 ปีนี้สัดส่วนต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 15% ขณะที่สัดส่วนรายได้ในประเทศปัจจุบันมี 95%
นายสุรนามกล่าวด้วยว่า ภาพรวมตลาดนมถั่วเหลืองในไทยทั้งหมดมีประมาณ 15,000 ล้านบาท แต่มีผู้เล่นรายใหญ่ 2-3 รายที่ครองตลาด โดยที่แบรนด์โทฟุซังมีส่วนแบ่งในภาพรวมแค่ 3-4% เท่านั้นเอง แต่หากมองในเซกเมนต์นมถั่วเหลืองพาสเจอไรซ์แล้ว โทฟุซังเป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งตลาดมากถึง 68% โดยปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 600 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 400 ล้านบาท
ส่วนแผนขยายธุรกิจอื่นที่เคยกล่าวไว้นั้นยังคงมีอยู่ในแผน เช่น การทำตลาดสแน็กแผ่นเต้าหู้ ซึ่งมีการพัฒนาและวิจัยแล้ว แต่ต้องรอจังหวะและโอกาสในการทำตลาด หรือแม้แต่เครื่องดื่มสุขภาพอื่นๆ ก็เช่นกัน
นางสาวสุภอร รัตนมงคลมาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ ประจำประเทศไทย บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อนำตัวละครต่างๆ เข้าไปใกล้ชิดกับแฟนที่ดิสนีย์ให้ความสำคัญเสมอมา ดิสนีย์จึงสานต่อความร่วมมือกันพันธมิตรอย่างโทฟุซัง และซอยป๊อป ที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายคล้ายคลึงกัน คือต้องการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคในการนำเสนอสิ่งที่มีคุณภาพ ซึ่งมั่นใจว่าครั้งนี้ทั้งสองแบรนด์จะนำเสนอผ่านตัวละครที่มีความเหมาะสม ทั้งสองคอลเลกชันตอบสนองผู้บริโภคกับกระแสภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างดี
