ผู้จัดการรายวัน 360 - WEEKLY WiSE แมกกาซีนแจกฟรีภาษาญี่ปุ่นรายสัปดาห์ จับมือสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เจโทร และอิออน ธนสินทรัพย์ จัดงาน SAKURA MATSURI เนรมิตสวนดอกซากุระที่ใหญ่ที่สุดในไทยกลางห้าง The EmQuartier นำสินค้า อาหาร และวัฒนธรรม ส่งตรงจากญี่ปุ่นมาเสิร์ฟคนไทย
นายโยชิกิ นิชิโอกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท รายดีน จำกัด ผู้ผลิตวีคลี่ ไวส์ แมกกาซีน กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นถือได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จะเห็นได้จากตัวเลขการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี
ในปี 2561 ที่ผ่านมาพบว่าพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ 31.19 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 8.7% จากปีก่อนหน้า และเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ซึ่งหนึ่งในนั้นที่นิยมไปสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นก็คือชาวไทย โดยมีตัวเลขของการเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2561 สูงถึง 1.13 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 14.7% จากปีก่อนหน้า
ประกอบกับร้านอาหาร และสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่นหลายๆ แบรนด์ก็ได้รับความนิยมจากชาวไทยด้วยเช่นกัน และในขณะเดียวกันกรุงเทพฯ ก็เป็นเมืองที่มีชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานและพักอาศัยเป็นระยะยาว ถือเป็นเมืองอันดับ 1 ของโลก
บริษัทฯ จึงได้จัดงาน SAKURA MATSURI เพื่อให้เป็นงานอีเวนต์ของครอบครัว Family Event ที่สามารถมาร่วมสนุกกันได้ทั้งพ่อแม่ลูก ภายใต้บรรยากาศ วัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ด้วยแนวคิดที่อยากจะให้เป็นเทศกาลที่ทำให้ทั้งชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย และชาวไทยที่ชื่นชอบในประเพณีวัฒนธรรมญี่ปุ่น สามารถมาสนุกสนานด้วยกันได้ ซึ่ง Family Event ลักษณะสไตล์ญี่ปุ่นแบบนี้หาไม่ได้ในเมืองไทย
รวมถึงเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่คนไทยอาจยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน และถือเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 131 ปี ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น จึงได้ร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือเจโทร และบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) จัดงาน SAKURA MATSURI ขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 เมษายน ณ ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ บริเวณ ควอเทียร์ อเวนิว ชั้น G และ ฮีลิกซ์ การ์เด้น ชั้น 5
โดยภายในงานได้เนรมิต “เทศกาลชมดอกซากุระ” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สวยงามตระการตาด้วยดอกซากุระสีชมพูกว่า 100 ต้น พร้อมกับลิ้มรสอาหารจากญี่ปุ่นแท้ๆ แบบต้นตำรับ ขนมหวานในแบบรสชาติดั้งเดิมที่หาทานได้เฉพาะในงานนี้เท่านั้น
เช่น ข้าวห่อเนื้อเซนไดเกรด A5 หน้าอูนิ จากร้าน KATANA, ข้าวหน้าเนื้อยามากาตะ A5 ซากุระวากิว จากร้าน Ranichi, ซากุระซูชิโรล จากร้าน cocoro, ซากุระพาเฟต์ จากร้าน My Porch, ซอฟต์ครีมรสซากุระ ของป๊อปอัพคาเฟ่ “Calbee My Taste” เป็นต้น รวมถึงมีการเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ครั้งแรกในไทยของ Kirin ด้วย
นอกจากนี้ ก็ยังมีกิจกรรมการละเล่นในเทศกาลหน้าร้อนต้นตำรับญี่ปุ่นมาจัดให้ทุกท่านได้ร่วมสนุกกันด้วย
นายฮิโรกิ มิตสึมาตะ ประธานกรรมการ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมายาวนาน ทั้งในด้านธุรกิจและประชาชนชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จากข้อมูลในปี 2560 พบว่าชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยมีมากถึง 73,000 คน (อิงจากตัวเลขจำนวนผู้ลงทะเบียน) ในจำนวนนั้นมีชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ถึง 53,000 คน ซึ่งเป็นเมืองที่มีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่มากที่สุดในเอเชีย
จากการสำรวจของเจโทรกรุงเทพฯ พบว่ามีบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่เปิดธุรกิจในเมืองไทยมากกว่า 5,400 บริษัท นับได้ว่าเป็นจุดศูนย์รวมของบริษัทญี่ปุ่นที่ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มตั้งแต่อุตสาหกรรมรถยนต์ไปจนถึงภาคการผลิตอื่นๆ
โดยหลายปีมานี้ก็มีธุรกิจและบริการแขนงอื่นๆ หนึ่งในนั้นก็คือธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยซึ่งในปี 2550 มีเพียง 745 ร้าน แต่ในปี 2561 ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 3,004 ร้าน โดยเพิ่มขึ้น 4 เท่าในเวลาเพียง 11 ปี ปัจจุบันอาหารญี่ปุ่นได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันคนไทยทุกกลุ่ม ไม่จำกัดอยู่แค่กลุ่มคนที่มีฐานะเท่านั้น
โดยเจโทรกรุงเทพฯ มีบทบาทหลากหลาย ทั้งส่งเสริมการนำเข้าผลิตผลทางการเกษตรจากญี่ปุ่น การช่วยเหลือให้คำแนะนำการเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในเมืองไทย
สำหรับงาน Sakura Matsuri ที่กำลังจะจัดขึ้นนี้จะเป็นงานที่เปิดโอกาสให้คนไทยได้มาสัมผัสทั้งวัฒนธรรม อาหาร รวมถึงการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ช่วยสร้างเสริมมิตรภาพที่ดีร่วมกันระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการค้าการลงทุนของทั้งสองประเทศนั้นมีความร่วมมือกันเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ในปี 2561 พบว่าการค้าระหว่างไทย และญี่ปุ่น ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 11.2% มูลค่าการค้ารวมกว่า 60,201 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปยังประเทศญี่ปุ่นมูลค่ากว่า 24,942 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน และการนำเข้าจากญี่ปุ่นมายังไทย มูลค่ากว่า 35,260 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน