กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายรัฐบาล และได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดไปดำเนินการในส่วนงานที่ตนเองรับผิดชอบ เพื่อช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจท้องถิ่น เกษตรกร ผู้ประกอบการ ประชาชนในระดับฐานรากมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น
การดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้าขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ โดยมีโครงการที่น่าสนใจ และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ก็คือ การผลักดันให้จันทบุรีเป็น “นครอัญมณี” โดยมีสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที เป็นหน่วยงานขับเคลื่อน
นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการจีไอที เล่าให้ฟังว่า การผลักดันให้จังหวัดจันทบุรีเป็นนครอัญมณี เนื่องจากมองเห็นว่าพลอยก้อนจากทั่วโลกกว่า 80% ได้ถูกส่งมาปรับปรุงคุณภาพและเจียระไนที่ประเทศไทย โดยมีศูนย์กลางการผลิตและการค้าที่สำคัญอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าพลอยสีของไทย ขณะเดียวกัน ในจังหวัดจันทบุรี ยังมีผู้ประกอบการด้านอัญมณีและเครื่องประดับที่ผลิตโดยใช้ภูมิปัญญาดั่งเดิม มีความเป็นเอกลักษณ์ มีอัตลักษณ์เป็นของตนเองอยู่เป็นจำนวนมาก หากส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเหล่านี้มีการพัฒนา ก็จะผลักดันออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศได้
“เมื่อเห็นถึงจุดแข็งที่มีอยู่ จึงได้เดินหน้าส่งเสริมและผลักดันให้จันทบุรีเป็นนครอัญมณี ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว มีแผนการทำงานตลอดทั้งปี 2562 และจะไปพีกสุดเอาช่วงเดือน ธ.ค. 2562 ที่จะเป็นการจัดงานใหญ่ เพื่อโปรโมตนครอัญมณี” นางดวงกมลกล่าว
นางดวงกมลกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาสถาบันอัญมณีฯ ได้ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อระดมความคิดเห็นในการผลักดันให้จังหวัดจันทบุรีเป็นนครอัญมณี โดยได้หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด พาณิชย์จังหวัด สมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ผู้ประกอบการรายใหญ่ รายเล็ก และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันโครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จ และได้มีการลงสำรวจพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อดูความพร้อม สำรวจข้อมูล และจุดเด่นในแต่ละพื้นที่ของจังหวัดจันทบุรี มาจัดทำแผนการดำเนินงาน ภายใต้โครงการพัฒนาจังหวัดจันทบุรีเป็นนครอัญมณีแล้ว
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นได้เสนอให้เร่งดำเนินการในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและวิสาหกกิจชุมชนด้านอัญมณีและเครื่องประดับให้มีความเข้มแข็ง และมีขีดความสามารถเพียงพอต่อการขยายตลาดสู่สากล ด้วยการยกระดับคุณภาพมาตรฐานและรูปแบบสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด การเพิ่มโอกาสการจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับ ผ่านช่องทางออนไลน์ รวมทั้งผลักดันให้เกิดการจัดประกวดพลอยสี การประกวดออกแบบเครื่องประดับ การประมูลพลอยสี และการจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการปักหมุดเส้นทางท่องเที่ยวสายอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดจันทบุรี ในการเข้าเยี่ยมชมร้านค้า หรือสถานที่สำคัญด้านอัญมณีและเครื่องประดับ รวมทั้งเลือกซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของจังหวัดจันทบุรี
นางดวงกมลบอกถึงผลการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมาว่า ได้ทำการสำรวจศูนย์สาธิตและแหล่งเรียนรู้พลอยแหวน ตำบลพลอยแหวน ซึ่งพบว่าเหมาะที่จะผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาศึกษาวิธีการขุดพลอยและร่วมคัดแยกพลอยด้วยตัวเอง และยังสามารถเข้าเยี่ยมชมการเผาพลอย ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาอันเก่าแก่ของไทย
นอกจากนี้ยังพบว่า ถนนอัญมณีที่ตั้งอยู่บริเวณถนนศรีจันท์และตรอกกระจ่าง จะสามารถผลักดันให้เป็นถนนสายเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดจันทบุรี เพราะมีผู้ประกอบธุรกิจอัญมณีเข้ามาซื้อขายพลอยและอัญมณีต่างๆ อย่างคับคั่ง และนับเป็นตลาดพลอยเจียระไนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เปิดขายทุกวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. โดยจะมีนายหน้าหรือตัวแทนค้าพลอยทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเข้ามาต่อรองราคากันอย่างคึกคัก เหมาะที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อดึงคนเข้ามาเยี่ยมชมและซื้อสินค้า
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของการผลักดันนครอัญมณี นางดวงกมลสรุปให้คร่าวๆ ว่า ได้กำหนดจัดงานเทศกาลนานาชาติ พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี ประจำปี 2562 (International Chanthaburi Gems and Jewelry Festival 2019) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยงานจะมีขึ้นในวันที่ 4-8 ธ.ค. 2562 ที่จังหวัดจันทบุรี แบบว่าจะจัดงานกันทั้งเมือง ในรัศมี 1 กิโลเมตร มีกิจกรรมเด่นๆ อย่างตลาดพลอยสี การจำหน่ายเครื่องประดับ และจะมีเครื่องประดับที่ใช้นวัตกรรมในการผลิตมาโชว์ให้ดูและจำหน่ายด้วย เรียกได้ว่ามางานนี้ งานเดียว จะเห็นถึงวิวัฒนาการในด้านพลอย การผลิตพลอย การทำเครื่องประดับจากพลอยได้ครบถ้วน และยังสามารถซื้อหาสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับติดไม้ติดมือได้ด้วย
“คาดว่าการจัดงานในครั้งนี้จะมีเงินสะพัดในจังหวัดไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และยังจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว เพราะจะมีคนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเที่ยวชมงานในช่วงนั้นเพิ่มมากขึ้น และทำให้นครอัญมณีเป็นที่พูดถึง และเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีทำให้เศรษฐกิจในจังหวัดจันทบุรีมีการขยายตัว และช่วยให้ผู้ประกอบการในจังหวัด มีรายได้เพิ่มมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้สถาบันมีแผนที่จะจัดกิจกรรมเพื่อแนะนำนครอัญมณีไปเรื่อยๆ ทั้งการลงพื้นที่ไปพบปะหารือกับผู้ประกอบการ การประกาศเชิญชวนให้ส่งผลงานวิจัยเกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อมุ่งส่งเสริมให้จันทบุรีเป็นนครอัญมณี เช่น งานวิจัยเกี่ยวกับวัตถุดิบอัญมณีและโลหะมีค่า, แหล่งกำเนิดอัญมณี, เทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับ, การวิเคราะห์ตรวจสอบอัญมณีและโลหะมีค่า, การพัฒนามาตรฐานสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ, ข้อมูลการตลาดและเศรษฐศาสตร์, นโยบายและกฎหมาย, อัตลักษณ์เครื่องประดับท้องถิ่นไทย, การออกแบบเครื่องประดับ, เทคโนโลยีสื่อสารสนเทศและสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
“สถาบันอัญมณีฯ จะลงพื้นติดตามความคืบหน้าของการทำงานอย่างต่อเนื่อง และเมื่อได้เป้าหมายที่จะผลักดันในแต่ละเรื่องแล้ว ก็จะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนให้จังหวัดจันทบุรีเป็นนครอัญมณีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ต่อไป เพราะการเป็นนครอัญมณีไม่เพียงแต่ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขายอัญมณีของโลก แต่ยังช่วยให้เศรษฐกิจในจังหวัดมีการเติบโตตามไปด้วย” นางดวงกมลกล่าวสรุป