ผู้จัดการรายวัน360 - ไทยติด 1 ใน 5 ประเทศปลายทาง ต่างชาติใช้ชีวิตหลังเกษียณ “นีโอ” ชี้ ความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ศักยภาพทางการแพทย์ส่งผลต่อความเชื่อมั่น และบริการที่ดีของไทย เป็นจุดขายสำคัญ เตรียมจัดงาน “อินเตอร์แคร์ เอเชีย 2019” นำสินค้า – นวัตกรรมจัดแสดง หวังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ “เมดิคอลฮับนานาชาติ” สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี.เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) กล่าวว่า จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และอังกฤษ เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงอายุขัยของประชากรในประเทศเพิ่มขึ้น
อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเติบโตได้เป็นอย่างดี คือค่านิยมของลูกหลานที่ให้ความสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุค่อนข้างน้อย การมีธุรกิจบริการ ผลิตภัณฑ์ รวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยดูแลผู้สูงอายุจึงมีความต้องการเป็นอย่างมาก ในขณะที่ประเทศในเอเชียก็เริ่มมีแนวโน้มที่เปลี่ยนไปเช่นกัน ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจและลักษณะความเป็นเมืองที่สูงขึ้นทำให้ลูกหลานที่อยู่ในวัยทำงานมีเวลาในการดูแลพ่อแม่ที่ชราภาพน้อยลง ธุรกิจบริการผู้สูงอายุจึงเข้ามาตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
โดยพบว่าในเอเชียมีจำนวนผู้สูงอายุคิดเป็น 25% ของจำนวนประชากรกว่า 700 ล้านคน เฉพาะจีนมีผู้สูงอายุ 200 ล้านคน จาก 1,200 ล้านคน ในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 500 ล้านคน ส่วนประเทศไทยในปัจจุบันมีจำนวนผู้สูงอายุ 11 ล้านคนคิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด และคาดว่าในปี 2564 จะเพิ่มเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนประชากร ถือว่าไทยจะเป็น “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” (Complete Aged Society) และจะเพิ่มสัดส่วนเป็นร้อยละ 28 ในปี 2574 เรียกได้ว่าเข้าสู่ “สังคมผู้สูงระดับสุดยอด” (Super Aged Society)
ขณะที่ความต้องการด้านการดูแลรักษาสุขภาพของประชากรโลกก็มีเพิ่มขึ้น ประกอบกับประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ของโลกที่เป็นจุดหมายปลายทางของคนสูงวัยจากทั่วโลกต้องการเข้ามาท่องเที่ยว พักผ่อน หรือใช้ชีวิตยามบั้นปลาย เนื่องจากไทยตั้งอยู่บนพื้นที่เขตอบอุ่น ไม่หนาว บวกกับความได้เปรียบในเรื่องของ อาหาร เมดิคัลแคร์ เซอร์วิส และการบริการที่ดีเยี่ยมพร้อมกับราคาที่ไม่แพงมาก จึงเป็นโอกาสให้กับประเทศไทย ที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเชิงสุขภาพ (Wellness Economy) เติบโตเป็น Medical Hub หรือ ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ
ตลาดกลุ่มสินค้าและธุรกิจบริการสุขภาพในประเทศไทย มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 107,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาพบว่าตลาดคนไข้ต่างชาติของโรงพยาบาลเอกชนไทยมีผู้ใช้บริการกว่า 3.42 ล้านครั้งในปี 2561 โดยแบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวพร้อมกับรักษาพยาบาล หรือ Medical Tourism 2.5 ล้านครั้ง และกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย หรือ Expat 9.2 แสนครั้ง ตลาดสำคัญยังเป็นลูกค้าชาวเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น เมียนมา กัมพูชา และจีน ซึ่งจะเข้ามาชดเชยรายได้กลุ่มคนไข้จากตะวันออกกลางที่มีจำนวนลดลงต่อเนื่องและมีแนวโน้มหดตัว
หากพิจารณาสัดส่วนคนไข้ชาวต่างชาติที่มาให้บริการโรงพยาบาลเอกชนไทยพบว่ากลุ่มตะวันออกกลางยังครองส่วนแบ่งสูงสุดที่ 12.5% รองลงมาคือเมียนมา 8.7% สหรัฐอเมริกา 6.2% สหราชอาณาจักร 5% ญี่ปุ่น 4.9% และกัมพูชา 2.2% สะท้อนกำลังซื้อของประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนที่มีศักยภาพและเป็นโอกาสในการรุกตลาดสุขภาพของผู้ประกอบการไทยได้เช่นกัน
นายศักดิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จะเห็นได้ว่าการเติบโตของตลาดผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการสินค้าทางด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงบริการด้านต่าง ๆ เพื่อนำมาอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ บริษัท เอ็น.ซี.ซี.เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด หรือนีโอ ในฐานะผู้จัดงานแสดงสินค้า จึงเห็นโอกาสของการเติบโต จึงได้คิดริเริ่มจัดงานอินเตอร์แคร์ เอเชีย ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2559 และได้รับการตอบรับที่ดี จนทำให้มีการจัดงานต่อเนื่องกันขึ้นเป็นครั้งที่ 4 แล้ว และในแต่ละปี นีโอ ก็ได้นำสินค้าและบริการใหม่ๆ เข้ามาจัดแสดงภายในงานอย่างต่อเนื่อง และมีความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐ ที่จะผลักดันให้ประเทศเทศเป็นศูนย์กลางสุขภาพและการแพทย์นานชาติ
นีโอฯ และหน่วยงานพันธมิตรผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงาน และผู้ประกอบการที่จะมาจัดแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ล้วนมีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการจัดงาน โดยในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานตลอดระยะเวลา 3 วัน มากกว่า 5,000 คน และจะเกิดการซื้อขายภายในงานไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งกำหนดจัดงานแสดงสินค้าเทคโนโลยี นวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพระดับนานาชาติ ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคม 2562 ณ ฮอลล์ 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา กรุงเทพมหานคร โดยมี กิจกรรม หลัก 3 ส่วน คือ การจัดแสดงสินค้า (Exhibition) การประชุมสัมมนา (Conference) และการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) งานจัดแสดงสินค้าจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 โซน ได้แก่ โซนเวชศาสตร์ฟื้นฟูและอุปกรณ์ที่ใช้ในบ้าน (Rehabilitation & Home Care) โซนบริการของโรงพยาบาลและคลีนิคในการดูแลสุขภาพ (Hospital/Clinic and Care Service) โซนอาหารและอาคารเสริมเพื่อสุขภาพ (Nutritional/Supplement & Healthy Food) โซนผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วไป (General Health & Other) และโซนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Zone SME)
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงสินค้าและบริการของกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการของผู้สูงอายุ อาทิ อาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารที่มีไขมันต่ำ ไม่มีคอเลสเตอรอล น้ำตาลน้อยหรือไม่มีเลย และมีส่วนประกอบที่ป้องกัน ลดความเสี่ยงโรคที่เกิดกับผู้สูงอายุ เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน รวมถึงสามารถย่อยได้ง่ายเมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว เป็นต้น รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ภายในบ้าน ซึ่งต้องมีการออกแบบให้เหมาะสมกับลักษณะทางกายภาพ และวิถีการดำเนินชีวิตของกลุ่มผู้สูงอายุที่สภาพร่างกายเริ่มถดถอยด้วย