ผู้จัดการรายวัน 360 - TNR เปิดเกมรุกถุงยางอนามัยทั่วโกล หลังซื้อเพลย์บอยมาครบปี โหมหนักขยายตลาด we ทั่วโลก เร่งจดใบอนุญาตเข้าวอลล์มาร์ทสำเร็จ รวมทั้งเว็บแอมะซอนด้วย คาดหวังยอดขายเพลย์บอย 250 ล้านบาทปีนี้ ดันรายได้รวมทะลุ 1,800 ล้านบาท
นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยรายใหญ่ที่สุดของไทย ภายใต้แบรนด์ วันทัช (ONETOUCH) กับ เพลย์บอย (PLAYBOY) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะบุกตลาดถุงยางอนามัยแบรนด์เพลย์บอยอย่างเต็มที่ในปีนี้ หลังจากที่ได้ซื้อแบรนด์มาจากอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว ด้วยมูลค่ากว่า 471 ล้านบาท ได้สิทธิ์ใน 188 ประเทศทั่วโลก ยกเว้นประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการวางรากฐานใหม่และเปลี่ยนแปลงเจ้าของจึงยังทำตลาดไม่เต็มที่ โดยได้ทำการเปิดตลาดใหม่ๆ ทั้งในอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรกับค้าปลีกรายใหญ่ของอเมริกา คือ วอลล์มาร์ท และจะจำหน่ายในเว็บแอมะซอนวันที่ 1 เมษายนนี้ด้วย นอกนั้นเป็นยุโรป จีน อินเดีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย แอฟริกา รวมแล้วกว่า 80 ประเทศทั่วโลก และมีแผนที่จะขยายตลาดประเทศใหม่ๆ และคาดว่าจะสามารถขอใบอนุญาตได้ประมาณ 100 ประเทศในสิ้นปีนี้ จากขณะนี้ที่มีการขอใบอนุญาตได้แล้ว 70 ประเทศ
ส่วนในไทย ในอดีต 7 ปีที่ผ่านมาเราผลิต และมีเอเยนต์เป็นผู้จัดจำหน่าย แต่หลังจากที่เราซื้อแบรนด์เพลย์บอยปีที่แล้วเราได้นำกลับมาจำหน่ายเองแล้ว รวมทั้งได้ปรับแพกเกจจิ้งและภาพลักษณ์เพลย์บอยใหม่ทั่วโลกแล้ว ล่าสุดเปิดตัวเพลย์บอยแมตช์ -49 รุกตลาดพรีเมียม วางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่นแล้ว ใช้งบการตลาด 35 ล้านบาท ใช้กลยุทธ์อีดีเอ็ม มิวสิกมาร์เกตติ้ง และสปอร์ตมาร์เกตติ้งสนับสนุนการแข่งรถแข่ง และหนังโฆษณา ชื่อ ดูแลกันและกัน ออนแอร์ 1 พฤษภาคมนี้
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 1,800 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ 1,500 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจาก การรับจ้างผลิต 50% การเข้าประมูล 30% และการจำหน่ายแบรนด์ของบริษัทเอง 20% โดยมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 2,000 ล้านชิ้นต่อปี จาก 2 โรงงาน ขณะที่ภาพรวมของตลาดในไทยมีโรงงานผลิตรวม 5 แห่ง
ทั้งนี้ ในส่วนของเพลย์บอยคาดว่าจะมียอดขายปีนี้ 250 ล้านบาท รวมทั่วโลกเติบโต 230% และมีสัดส่วนยอดขาย 14% ของรายได้รวม ทีเอ็นอาร์ และมีส่วนแบ่งตลาดในไทยเพิ่มเป็น 10% จากเดิมมี 7% ในประเทศไทยคาดหวังจะผลักดันเพลย์บอยก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดถุงยางอนามัยระดับพรีเมียมภายใน 3 ปี
สำหรับตลาดถุงยางอนามัยในไทยปี 2561 มีมูลค่าประมาณ 1,423 ล้านบาท ลดลง 0.6% ในแง่มูลค่า และติดลบ 2.9% ในแง่ปริมาณ ทั้งนี้มีผู้ประกอบการหลักๆ เช่น ดูเร็กซ์ ครองตลาดมากกว่า 50% และมีแบรนด์โอกะโมโตะ วันทัช เป็นต้น ขณะที่ช่องทางจำหน่ายออนไลน์เติบโตดี 10% แต่มีราคาสูงกว่าทั่วไป 3-4 เท่า เพราะส่วนใหญ่เป็นสินค้าพรีเมียมนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งนี้ ช่องทางจำหน่ายหลักคือคอนวีเนียนสโตร์กว่า 80% และคาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะโต 5%
ขณะที่ตลาดรวมถุงยางอนามัยทั่วโลกปี 2561 มีมูลค่าประมาณ 5,900 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 205,000 ล้านบาท เติบโต 8.6% มีปริมาณการขาย 36,650 ล้านชิ้น เติบโต 9.9% โดยปีนี้คาดว่าตลาดรวมจะเติบโต 8.8% เป็น 6,390 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าปริมาณจะเติบโต 10%