SCC ร่วมทุนพันธมิตรต่างชาติลงทุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ในพื้นที่อีอีซี คาดว่าเห็นการลงทุนในปีนี้
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมร่วมทุนพันธมิตรต่างชาติลงทุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ หรือ New S-Curve ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก คาดว่าเห็นการลงทุนได้ในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ซัปพลายปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในอีอีซี รวมทั้งธุรกิจด้านโลจิสติกส์ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งการลงทุนของบริษัทในอีอีซีจะไม่ใช้เงินลงทุนสูง
นายรุ่งโรจน์กล่าวถึงโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนามว่า โครงการนี้จะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2566 เน้นจำหน่ายเม็ดพลาสติกในประเทศเวียดนาม ซึ่งเวียดนามนำเข้าเม็ดพลาสติกราว 2.5 ล้านตัน/ปี สูงกว่ากำลังการผลิตของโครงการ จึงไม่มีความเสี่ยงด้านการตลาด บริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวประมาณปีละ 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1 แสนกว่าล้านบาท
โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนามใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบ มีกำลังผลิตปิโตรเคมีราว 1.5-1.6 ล้านตัน/ปี เงินลงทุนรวม 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยโครงการนี้ได้ออกแบบโรงงานให้มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้ก๊าซฯ ได้ถึง 80% จากปกติโรงงานปิโตรเคมีทั่วไปมีความยืดหยุ่นการใช้วัตถุดิบเพียง 20% ซึ่งบริษัททำสัญญาซื้อวัตถุดิบทั้งแนฟทาและก๊าซฯ จากประเทศกาตาร์ระยะยาว 15 ปี ทำให้โครงการนี้มีความสามารถในการแข่งขันได้ดีในภูมิภาคนี้
สำหรับการดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์ในปีนี้ไม่ง่ายนัก เนื่องจากมีความผันผวนตลาดและราคาวัตถุดิบเนื่องจากน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อมาร์จิ้นธุรกิจ โดยบริษัทจะพยายามปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุน ส่วนธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะปรับยอดขายให้ดีขึ้นหลังเห็นแนวโน้มความต้องการใช้ที่ดีขึ้นนับจากไตรมาส 4/2561 จากการลงทุนของภาครัฐ ส่วนธุรกิจแพกเกจจิ้งจะพัฒนาให้มีการเติบโตต่อเนื่องต่อไป