xs
xsm
sm
md
lg

“สมุนไพรวังพรม” ชิงเค้กยาหม่องพันล้าน อัปเกรดฐานผลิต-รุกออนไลน์-ขายทั่วโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการรายวัน 360 - “สมุนไพรวังพรม” ปักหมุดสินค้าสมุนไพรครองใจผู้บริโภคไทย-เทศ ชี้ตลาดสมุนไพรยังคึกคัก ดันยอดจำหน่ายปี 61 พุ่ง เร่งขยายฐานลูกค้า ตปท. นำร่องเปิดตลาดกลุ่มประเทศ CLMV พร้อมเตรียมบุกแดนมังกร เกาหลีใต้ ยุโรป ตั้งเป้ายอดขายโตมากกว่า 50%

นางสาววัชรีภรณ์ วังพรม กรรมการบริหาร บริษัท สมุนไพรวังพรม จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในปี 2562 ที่ยังคงสดใสและมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนสำคัญเป็นผลมาจากผู้บริโภคยุคใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพ หันมามุ่งเน้นอุปโภคบริโภคสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ โดยเฉพาะเหล่าสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณอันหลากหลาย

ทั้งนี้ Euromonitor-Herbal/Traditional Products in Thailand ได้ประเมินว่าภายในปี 2564 มูลค่าตลาดสมุนไพรไทยในประเทศจะขยายตัวแตะมูลค่า 5.69 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลจาก www.euromonitor.com อ้างอิงข้อมูลจากข่าว https://www.thaihealth.or.th/Content/43547-"สมุนไพรไทย" ขณะที่ตัวเลขการส่งออกสมุนไพรและสารสกัดในแต่ละปี ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่ามีมูลค่าสูงถึงปีละประมาณ 1 พันล้านบาท




นางสาววัชรีภรณ์เปิดเผยว่า ปัจจุบัน "สมุนไพรวังพรม" ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาสามัญประจำบ้าน และผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิตต่างๆ เช่น มาตรฐาน CODEX GMP คือ ระบบรับรองกระบวนการผลิตที่ดี เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลก มาตรฐานการผลิตยาโบราณตามสุขลักษณะที่ดี (GMP) ใบรับรองเครื่องหมายฮาลาล และตรารับรองคุณภาพมาตรฐานโลก T Mark กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดำเนินการควบคู่ไปกับการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้ดูทันสมัยน่าใช้งาน และเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ รวมทั้งการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น โดยในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาสามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่าปีละ 17%

ดังนั้น เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานการผลิต ภายใต้แบรนด์ "สมุนไพรวังพรม" ให้ได้มาตรฐานที่สูงขึ้น สามารถจำหน่ายได้ทั่วโลกอย่างถูกกฎหมาย ขณะนี้สมุนไพรวังพรมจึงเร่งยกมาตรฐานการผลิตเทียบชั้นมาตรฐานสากล โดยล่าสุดได้ดำเนินการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ ภายใต้มาตรฐาน GMP PIC/S อันเป็นมาตรฐานการผลิตยาของประเทศในสหภาพยุโรป มาตรฐานเดียวกับโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบัน เช่น พาราเซตามอล ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่มีเป้าหมายปรับปรุงมาตรฐานการผลิตยาของผู้ผลิตยาแผนโบราณขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงผู้ผลิตที่ผลิตยาในรูปแบบที่มีความเสี่ยงต่ำในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการในช่วงปลายปี 2563

"ในปี 2561 ที่ผ่านมา สมุนไพรวังพรมสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 17% แบ่งเป็นขายตลาดในประเทศ 85% และตลาดต่างประเทศ 15% อย่างไรก็ตาม เราไม่หยุดนิ่งพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ตามข้อกำหนดและมาตรฐานสากลเพื่อให้สามารถขยายการส่งออกได้มากขึ้น โดยปัจจุบันได้เข้าไปเปิดตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนแผนการในอนาคตตั้งเป้าขยายไปยังตลาดจีน เกาหลีใต้ รัสเซีย และยุโรป ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียน ตามข้อกำหนดและกฎหมายแต่ละประเทศ ขณะเดียวกันยังมุ่งเพิ่มช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถดันยอดขายได้มากขึ้น ราว 50% ภายในระยะเวลา 5 ปี" นางสาววัชรีภรณ์กล่าว


สำหรับผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ "สมุนไพรวังพรม" แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม คือ กลุ่มยาดม กลุ่มยาสมุนไพร กลุ่มยาแคปซูล กลุ่มของใช้ส่วนตัว กลุ่มของชำร่วย และกลุ่มยาสำหรับนวด ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยเฉพาะ "ยาหม่องสูตรเสลดพังพอน" กระปุกสีเขียว และ "ยาหม่องสูตรไพล" กระปุกสีเหลืองปัจจุบันถือเป็น 1 ใน 5 ผู้นำตลาดยาหม่องในประเทศ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านบาท โอกาสการเพิ่มยอดขายในสินค้ากลุ่มนี้จึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง ในขณะที่ตลาดผู้บริโภคต่างชาตินั้นส่วนใหญ่ชื่นชอบและติดใจจากประสบการณ์ตรงหลังเข้ารับบริการร้านนวดแผนไทย จนเกิดเป็นกระแสปากต่อปาก

"หากเราสามารถผลักดันการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในประเทศจีน เกาหลีใต้ รัสเซีย และยุโรป เชื่อว่าแบรนด์จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งจุดเด่นของผลิตภัณฑ์สมุนไพรวังพรม คือการใช้สมุนไพรในท้องถิ่นมาผสานกับภูมิปัญญาชาวบ้านมาผลิตเป็นยารักษาโรค ด้วยความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับ สามารถคงคุณภาพมาได้ยาวนานกว่า 24 ปี จนเป็นที่รู้จักในฐานะต้นตำรับผู้ผลิตยาหม่องสมุนไพรอันดับหนึ่งของประเทศไทย" นางสาววัชรีภรณ์กล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการจากภาครัฐนั้น กรรมการบริหาร บริษัท สมุนไพรวังพรม จำกัด เสนอว่า เนื่องจากสินค้าและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยรูปแบบต่างๆ ส่วนใหญ่นำไปใช้ทาหรือรับประทานเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ดังนั้น กระบวนการควบคุมตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถช่วยป้องกันสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง อันเป็นการทำลายชื่อเสียงและส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ดำเนินการตามมาตรฐานการผลิตและกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ หากมีการพิจารณาลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบคุณภาพสูงบางประการ ซึ่งจำเป็นต้องนำเข้าในปริมาณมาก เชื่อว่าจะช่วยผู้ประกอบการไทยให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้อีกจำนวนมาก




กำลังโหลดความคิดเห็น