ข้าวตราฉัตรผงาดตลาดโลก หนึ่งเดียวของไทยบนเวที Taste of Hong Kong 2019 เทศกาลอาหารที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮ่องกง
“ข้าวตราฉัตร” ข้าวสัญชาติไทยแท้ 100% โด่งดังไกลทั่วโลก ล่าสุดเป็นผู้ประกอบการไทยเพียงรายเดียวที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมงาน Taste of Hong Kong 2019 เทศกาลอาหารที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮ่องกง ผนึกกำลังกับ บริษัท แพนเทอร์ เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในเครือทรูวิชั่นส์ ขนเมนูอาหารไทยพร้อมเสิร์ฟนักชิมทั่วโลก ร่วมกับเชฟมิชลินสตาร์ดัง เมื่อวันที่ 21-24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ณ Central Harbourfront Hong Kong
นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย “ข้าวตราฉัตร” เปิดเผยว่า ซี.พี.อินเตอร์เทรดในนามของข้าวตราฉัตรได้รับคัดเลือกเข้าร่วมงาน Taste of Hong Kong 2019 เทศกาลอาหารที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮ่องกง ถือเป็นผู้ประกอบการไทยเพียงรายเดียวที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ร่วมกับร้านอาหารชื่อดังและเชฟมิชลินสตาร์จากทั่วโลก ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ผนึกกำลังกับ บริษัท แพนเทอร์ เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในเครือทรูวิชั่นส์ เข้าร่วมงานในครั้งนี้ โดยเทศกาลอาหารดังกล่าวมีขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ณ Central Harbourfront ฮ่องกง
เทศกาล Taste of Hong Kong ปีนี้จะมีอาหารรวม 60 จานจากร้านอาหารดัง 15 ร้านซึ่งไม่เคยร่วมงานเทศกาลใดมาก่อน เช่น Artemis & Apollo (กรีก), Bibo X Silencio X The Ocean (ผสมผสาน), Chôm Chôm (เวียดนาม), Francis (ตะวันออกกลาง), Gelato Messina (นานาชาติ), Hoi King Heen (กวางตุ้ง), Ichu Peru (เปรู), John Anthony (กวางตุ้งและติ่มซำ), Old Bailey (เจียงหนาน) และ Sausage Commitment (ตะวันตก), The Flying Elk (นอร์ดิก) เป็นต้น ร่วมกับร้านสุดฮอตที่บรรดาฟูดดี้ติดอกติดใจ และต้องกลับมาลิ้มชิมรสอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Zuma (ญี่ปุ่น), Pici (อิตาเลียน), Little Bao (จีนสมัยใหม่), Haku (ญี่ปุ่น) ฯลฯ
“การที่ข้าวตราฉัตรได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมงาน Taste of Hong Kong 2019 เทศกาลอาหารที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮ่องกงในครั้งนี้ถือเป็นเกียรติอย่างมาก และเป็นการแสดงศักยภาพของข้าวไทย อาหารไทย และเป็นการตอกย้ำ “ครัวไทยสู่โลก” ซึ่งวันนี้ข้าวตราฉัตรเป็นที่นิยมและยอมรับว่าเป็นข้าวหอมมะลิ 100% ที่ชาวฮ่องกงชื่นชอบ จนสามารถครองตลาดได้เป็นอันดับ 1”
สำหรับการเข้าร่วมงาน Taste of Hong Kong 2019 ครั้งนี้ บูทข้าวตราฉัตรมีพื้นที่ราว 25 ตารางเมตร มีพื้นที่ VIP lounge ขนาด 200 ตารางเมตร ตกแต่งในสไตล์ Thai carnival ที่จะได้พบกับความสนุกสนานภายในบูท และเมนูความอร่อยที่พลาดไม่ได้ จากเชฟ Leslie law ที่นำวัตถุดิบคุณภาพดีอย่างข้าวหอมมะลิ 100% และเส้นจากข้าวไทยมาผสมผสานได้อย่างลงตัวสไตล์ฟิวชันฟูด เช่น The jasmine rice risotto, Hong Kong style stri fried noodles และขนมหวาน เช่น Baked rice and egg frittata, Chocolate and cranberries rice pudding cake, Rice and banana smoothie เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงาน และชื่นชอบในรสชาติอาหารของไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก
อย่างไรก็ดี ความพิเศษของงาน Taste of Hong Kong 2019 เทศกาลอาหารที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮ่องกงคือ การรวบรวมเอาเชฟมิชลินจากทั่วโลกและร้านอาหารสุดฮอตของฮ่องกงมารวมเอาไว้ในงานเดียวทำให้สามารถสัมผัส เลือกชม และเลือกชิมอาหารจากเชฟระดับเทพที่คิดค้นอาหารจานพิเศษและอาหารจานเด็ดมาเสิร์ฟในงานนี้โดยเฉพาะโดยที่ไม่ต้องบินไปไกลข้ามทวีป หรือไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า อีกทั้งอาหารแต่ละจานยังเสิร์ฟในราคาสบายกระเป๋าโดยเริ่มต้นเพียง 50 เหรียญฮ่องกง นอกจากนี้ เชฟแต่ละคนจะต้องคิดค้น Icon Dish ขึ้นมาเพื่อเสิร์ฟให้นักชิม ถือเป็น Taste Exclusive และมีจำนวนจำกัด ซึ่งนักชิมจะมีโอกาสรับประทานเพียงในงานนี้เท่านั้น
สำหรับ Icon Dish ในปีนี้รังสรรค์โดย 16 เชฟผู้มากประสบการณ์และมีรางวัลเป็นการันตี ไม่ว่าจะเป็น เชฟ Olivier Bellin ชาวฝรั่งเศสที่เคยพาร้านอาหารในที่พักของครอบครัวของเขาที่ชื่อว่า L'Auberge des Glazicks ในหมู่บ้านเล็กๆ ในฝรั่งเศสได้รับดาวมิชลินถึง 2 ดวง และยังทำให้ร้าน The Ocean ได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลินหลังจากที่เขาเข้าร่วมงานในตำแหน่ง executive chef เพียง 6 เดือน, เชฟ Leung Fai Hung จากร้าน Hoi King Heen ที่เคยได้รับดาวมิชลิน 1 ดวงในปี 2554-2556, เชฟ Björn Frantzén จากร้าน The Flying Elk ซึ่งเคยได้รับดาวมิชลินในปี 2552-2553 หรือแม้แต่เชฟ May Chow ก็ไม่น้อยหน้า เพราะถึงแม้ร้านของเธอจะยังไม่ได้รับการติดดาว แต่เธอก็พ่วงเอาตำแหน่ง Asia's Best Female Chef 2017 มาหลังจากที่เปิดร้าน Little Bao มาตั้งแต่ปี 2556