ผู้จัดการรายวัน 360 - คินเนติค เวิลด์ไวด์ นำเครื่องมือวัดผลสื่อนอกบ้านที่มีประสิทธิภาพจาก Cuende ประเทศสเปน มาใช้งานเป็นครั้งแรกในไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อช่วยในการวางแผนสื่ออย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเติมเต็มการวัดผลสื่อโฆษณาครบวงจร
นางสาวอัญชลี ยุพเมฆ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คินเนติค เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเอเยนซีด้านบริการและวางแผนกลยุทธ์การใช้สื่อนอกบ้าน (Out of Home Media : OOH) ระดับโลก เปิดเผยว่า ธุรกิจสื่อนอกบ้านเข้ามามีบทบาทต่อการตัดสินใจซื้อของผู้คนมากขึ้น และจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านของคนเมืองเฉลี่ยในแต่ละวันประมาณ 12-20 ชั่วโมง หรือโดยเฉลี่ยกว่า 70% ทำให้ภาคธุรกิจเห็นถึงความสำคัญและลงทุนในสื่อประเภทนี้มากขึ้น
ดังนั้น คาดการณ์ว่าในปี 2562 ภาพรวมการเติบโตของสื่อนอกบ้านจะเติบโตประมาณ 12% หากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและโลกดีขึ้น แม้เทรนด์สื่อนอกบ้านในไตรมาสแรกจะซบเซาอยู่บ้าง เนื่องจากรอผลการเลือกตั้งทั่วไปว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลต่อไป โดยส่วนใหญ่จะรอความชัดเจนของทิศทางนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร
“การจะพัฒนาอะไรก็ตามจำเป็นต้องมีการวัดผล สื่อโฆษณาก็เช่นเดียวกัน ถ้าสื่อนอกบ้านไม่มีการวัดผลก็จะไม่มีการพัฒนาสื่อนอกบ้าน เพราะก็คิดว่าลงโฆษณาไปก็เห็นกันหมด การวัดผลเป็นตัวบอกมาตรฐาน เหมือน KPI บริษัท โดยที่ผ่านมาไม่มีการวัดผลที่เป็นมาตรฐานเหมือนสื่อโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะในเรื่องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือจำนวนคนที่เห็นโฆษณา (Reach) และจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณาออกไป แม้ว่าจะแสดงโฆษณาซ้ำกับคนเดิมก็ตาม (Impression) แต่จะวัดในเรื่องการมองเห็น (Eyeballs) แทน ซึ่งไม่เพียงพอแล้วในยุคปัจจุบัน”
สำหรับเครื่องมือวัดผลสื่อนอกบ้านของควอนเด้ (Cuende) ประเทศสเปน ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงและได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยมีประสบการณ์ในด้านนี้มา 28 ปีแล้ว ใช้ดาวเทียมตรวจจับทุกจอด้วยเทคโนโลยี Geoposition และใช้สมาร์ทโฟนตรวจจับโค้ดรูปแบบการเดินทางของกลุ่มเป้าหมายว่าแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือนเดินทางไปไหนบ้าง โดยมีกลุ่มตัวอย่างกว่า 400,000 คน อีกวิธีการคือใช้สัมภาษณ์ออนไลน์ และคำนวณผ่านอัลกอริทึมที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Cuende เลือกกลุ่มเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งได้ หรือจะเป็นแมสก็ได้ ตอบสนองได้ทุกโจทย์การตลาดของลูกค้าได้อย่างลงตัว ช่วยทำให้การวางแผนสื่อโฆษณาได้ครบสมบูรณ์ทุกสื่อ
“นับเป็นการวัดผลสื่อโฆษณาได้ครบทุกสื่อเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยการวัดผลครั้งนี้จะช่วยในการวางแผนสื่อให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลูกค้าวัดผลอัตราส่วนผลตอบแทนการลงทุน (ROI), จำนวนเงินที่ลงโฆษณาไปหารด้วยจำนวนเรตติ้ง (CPRP), มีคนพูดถึงแบรนด์หรือสินค้า (Share of Voice) เท่าไหร่ คุ้มค่าหรือไม่ ขณะเดียวกันก็จะทำให้เจ้าของสื่อพัฒนาสื่อไปเรื่อยๆ โดยอาจจะนำไปเชื่อมโยงหรือผสานกับสื่อโทรทัศน์และสื่อดิจิทัลต่อไป” นางอัญชลีกล่าว
สำหรับในเฟสแรก จะเป็นการเปิดตัวเครื่องมือวัดผลสื่อนอกบ้านเฉพาะในกรุงเทพฯ ก่อน เนื่องจากมีป้ายบิลบอร์ดจำนวนมากที่สุด เพื่อดูผลตอบรับจากลูกค้า และจากนั้นในเฟสที่สองจะนำไปใช้วัดผลในหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ ปริมณฑลทั้งหมด รวมถึงภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น และอุดรธานี ขณะที่เฟสที่สามจะนำไปใช้วัดผลในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศเป็นลำดับต่อไป
สำหรับเทรนด์ของสื่อนอกบ้านในปี 2562 จะถูกปรับเปลี่ยนไปในรูปแบบของป้ายโฆษณาดิจิทัลมากขึ้น เพื่อรองรับเทคโนโลยี 5G โดยแบ่งเป็นสัดส่วนในกรุงเทพฯ 50% และต่างจังหวัด 50% จากเดิมเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาป้ายโฆษณาดิจิทัลในต่างจังหวัดยังเติบโตไม่มากนัก โดยเป็นผลพวงมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความรวดเร็ว ทันสมัย และเบื่อง่าย ดังนั้น สื่อดิจิทัลจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งประเภทธุรกิจ 5 อันดับแรกที่นิยมเลือกใช้สื่อนอกบ้าน ได้แก่ 1. แบรนด์มือถือ 2. สินค้าท้องถิ่น 3. ธุรกิจความงามของคนไทย 4. เว็บไซต์ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และ 5. สถาบันการเงิน
“จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ ทำให้การจดจำแบรนด์สินค้าเป็นพฤติกรรมที่ฉาบฉวยตามไปด้วย รวมถึงคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ภาคธุรกิจต้องปรับตัวให้เท่าทัน ซึ่งสื่อนอกบ้านในรูปแบบของดิจิทัลถือว่าตอบโจทย์ได้ดี ผู้บริโภคจะให้ความสนใจสื่อที่เป็นภาพเคลื่อนไหวมากกว่าภาพนิ่ง และหากทำให้ผู้บริโภคสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อโฆษณาดังกล่าวได้ด้วย ก็จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดการจดจำแบรนด์ และตัดสินใจซื้อสินค้าในที่สุด” นางสาวอัญชลีกล่าว