xs
xsm
sm
md
lg

กฟผ.-ฟฟล.ลงนามซื้อขายไฟฟ้า “น้ำงึม 1-เซเสด” ปรับค่าไฟสะท้อนต้นทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กฟผ.ลงนามร่วมกับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (ฟฟล.) ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า “น้ำงึม 1-เซเสด” ฉบับใหม่ พร้อมปรับอัตรารับซื้อไฟฟ้าสะท้อนต้นทุนมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้คงที่ซึ่งไม่สอดรับกับสถานการณ์ ย้ำพร้อมซื้อไฟตามกรอบ 9,000 เมกะวัตต์ ในอนาคต

วันนี้ (15 มี.ค.) นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ท่านคำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ง สปป.ลาว ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างไทยกับลาว โดยมี นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ท่านบุญอุ้ม สีวันเพ็ง ผู้อำนวยการใหญ่รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว หรือ ฟฟล.เป็นผู้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการเขื่อนน้ำงึม 1 และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการเขื่อนเซเสด ฉบับใหม่

นายศิริ กล่าวว่า การลงนามสัญญาครั้งนี้เป็นความร่วมมือซื้อขายไฟฟ้าระหว่างไทยกับ สปป.ลาว จากโครงการเขื่อนน้ำงึม 1 ฉบับเดิมปี 2517-ปัจจุบัน (ผนวกรวมโครงการน้ำลึก น้ำเทิน 2 เข้าเป็นส่วนหนึ่งในสัญญา) และโครงการเขื่อนเซเสด ฉบับเดิมปี 2548-ปัจจุบัน (ผนวกรวมโครงการเซเสด 2 และห้วยลำพันใหญ่เข้าเป็นส่วนหนึ่งในสัญญา) ได้ครบกำหนดสัญญาวันที่ 2 มีนาคม 2562 ไทยโดย กฟผ.จึงทำสัญญาฉบับใหม่เพื่อรับซื้อไฟกำลังผลิตรวมประมาณ 300-400 เมกะวัตต์ พร้อมกับปรับอัตรารับซื้อไฟฟ้าเดิมที่กำหนดราคาคงที่ 1.33 บาทต่อหน่วย เป็นเฉลี่ย 1.63 บาทต่อหน่วย

“ที่ผ่านมาเรามีการขยายสัญญามาต่อเนื่อง และ สปป.ลาว มีรายได้จากค่าไฟไม่สูงนัก และสัญญาเดิมไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น สปป.ลาว จึงขอให้มีการทบทวน จึงได้มีการเจรจากันที่จะปรับราคาให้เหมาะสมเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีมายาวนานด้านซื้อไฟฟ้านับ 50 ปี โดยจะยึดการนำต้นทุนการผลิตไฟฟ้าหน่วยสุดท้ายระยะสั้น (Short Run Maginal Cost) ตามค่าเชื้อเพลิงจริงย้อนหลัง 6 เดือนของแต่ละสัญญาเพื่อนำไปใช้เป็นอัตราค่าไฟในปีสัญญาถัดไปสะท้อนตามสภาพข้อเท็จจริงก็ไม่ได้ทำให้ภาระค่าไฟของไทยเปลี่ยนแปลงอะไร แต่รายได้สู่สปป.ลาวจะมีความเป็นธรรมมากขึ้น” นายศิริ กล่าว

ปัจจุบันไทยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ สปป.ลาว ที่ผูกพันแล้ว 6,000 เมกะวัตต์ แต่ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านพลังงานของไทยกับ สปป.ลาว ในการลงนาม (MOU) รับซื้อไฟฟ้าจะอยู่ที่ 9,000 เมกะวัตต์ โดยการรับซื้อระยะต่อไปก็จะต้องพิจารณาโครงการที่เหมาะสม และภายใต้แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2018) พ.ศ. 2561-2580 กำหนดการรับซื้อไฟจาก สปป.ลาว อีก 3,000-3,500 เมกะวัตต์ จากที่ดำเนินการแล้ว 6,000 เมกะวัตต์ โดยจะแบ่งการรับซื้อปี 2568-2569 อีก 1,400 เมกะวัตต์ และที่เหลืออีกกว่า 2,000 เมกะวัตต์ จะเป็นช่วงปี 2573-2575

“สปป.ลาวเองก็กำลังศึกษาทำเขื่อนน้ำโขง-หลวงพระบาง โดยใช้กระแสน้ำปั่นโดยไม่ต้องสร้างเขื่อนใหญ่มาก เช่น เขื่อนไซยะบุรี ก็จะสร้างความมั่นคงไฟฟ้าของ สปป.ลาว และในภูมิภาค ซึ่งการลงนามครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าผ่านระบบส่ง หรือ Grid to Grid ที่เรามองการเชื่อมโยงจาก สปป.ลาว ผ่านไทย มาเลเซีย ซึ่งวางเป้าหมายขายไฟผ่านระบบส่งจากไทยไปมาเลเซีย 300 เมกะวัตต์ และมองเชื่อมไปยังสิงคโปร์ รวมทั้งจะเป็นการเปิดตลาดไฟฟ้าใหม่จาก สปป.ลาว ไปยังเมียนมาเช่นกัน เพราะเราหวังว่าการขายไฟจะมีต้นทุนที่ไม่สูงเป็นประโยชน์ร่วมกัน” นายศิริ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น