“สมคิด” มั่นใจประมูล ทลฉ.เฟส 3 จบใน เม.ย.นี้ สั่ง กทท.ทำแผนพัฒนาท่าเรือระนอง เชื่อมโยงขนส่งสินค้าฝั่งอันดามัน-อ่าวไทย-EEC ดันไทยเป็นฮับท่าเรืออาเซียน “ผอ.กทท” คาดชง ครม.ต.ค.นี้ ตั้งบริษัทลูกบริหารสินทรัพย์
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ว่า กทท.เป็นองค์กรที่สำคัญในการขนส่งทั้งภายในและเชื่อมโยงต่างประเทศ โดยประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน และกลุ่มประเทศ CLMV โดย กทท.อยู่ระหว่างผลักดัน 3 โครงการ ที่สำคัญ ได้แก่ 1. โครงการท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ระยะที่ 3 ซึ่งจะให้ยื่นข้อเสนอปลาย มี.ค. และเชื่อว่าจะรู้ผลได้ตัวผู้ชนะประมูลในเดือน เม.ย.นี้แน่นอน
ทั้งนี้ โครงการที่เกี่ยวเนื่องกับพื้นที่การพัฒนาของ ECC จะต้องเร่งรัดให้จบตามเป้าหมาย นอกจากท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 แล้ว ยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่คาว่าจะได้ข้อยุติในวันที่ 19 มี.ค.นี้
2. โครงการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ (Smart Port) และโครงการพัฒนาเพื่อการอยู่อาศัยให้เป็น Smart Community ซึ่งท่าเรือกรุงเทพ มีจุดเด่นเพราะที่ตั้งอยู่ในจุดที่มีความเจริญสูง ที่ดินมีมูลค่าสูง พื้นที่หน้าท่ามีน้ำลึกสามารถให้เรือขนาดใหญ่จอดเทียบท่าได้ และมีศักยภาพในการพัฒนาทั้งการค้า การท่องเที่ยว เชิงพาณิชย์ โดยได้กำชับว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับชุมชนที่อยู่เดิม ต้องออกแบบไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ต้องให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ ฝ่ายบริหารต้องเข้าไปพูดคุย ต้องยกระดับที่อยู่อาศัย อาชีพ หรือมีสวัสดิการบางอย่างให้ และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มไม่มาก เพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้าน และหากโครงการสำเร็จ ประเทศจะได้ประโยชน์สูงมาก นอกจากนี้ได้เร่งรัดให้ปรับแผนก่อสร้างเร็วขึ้นจากปี 2564 เป็นปี 2563 ด้วย
3. โครงการพัฒนาท่าเรือระนอง ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สำคัญ หากขยายศักยภาพและมีความทันมัย รวมถึง เชื่อมโยงกับรถไฟทางคู่ เส้นทางชุมพร-หลังสวน ได้ การขนส่งสินค้าที่ผลิตในประเทศ เพื่อส่งออกทางทะเลฝั่งอันดามัน ไปยัง เอเชียใต้ ประเทศอินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา จะสะดวกมาก
นอกจากนี้ หากสามารถประกาศแผนการพัฒนาท่าเรือระนอง และการเชื่อมโยงกับ EEC ผ่านอ่าวไทยได้ชัดเจนจะส่งผลดี เพราะขณะนี้ประเทศจีนกำลังมองทางออกทะเลอันดามัน ขณะที่ญี่ปุ่นเองซึ่งมองท่าเรือทวายแต่ปัจจุบันยังไม่ชัดเจน ก็จะเปลี่ยนมาที่ท่าเรือระนองแทน
“การท่าเรือมีทรัพย์สินมหาศาล ที่ดินคลองเตยกว่า 2 พันไร่ ตารางวาละ 4 แสนบาท ไม่ต้องขาย มูลค่ามีในตัว จะทำโครงการไม่ต้องของบประมาณจากรัฐบาล แต่ละโครงการมีมูลค่าในตัวเอง มีโอกาสที่ดี หากทำแผนพัฒนาที่ดี และรวดเร็ว รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน อยากให้ตั้งทีมงานแยกแต่ละโครงการเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนงานได้รวดเร็ว และโปร่งใส ไม่อยากให้ชะลอโครงการเพราะรอรัฐบาลใหม่” นายสมคิดกล่าว
ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการ กทท.กล่าวว่า การประมูลท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มีเอกชนซื้อซอง 35 ราย โดกำหนดยื่นซองในวันที่ 29 มี.ค.เวลา 09.00-12.00 น. และเปิดซองข้อเสนอด้านคุณสมบัติ (ซอง 1) พิจารณาในช่วงบ่ายวันเดียวกันเลย ซึ่งจะสรุปผลคัดเลือกได้ในวันที่ 11 เม.ย. และเสนอคณะกรรมการ EEC และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในปลายเดือน เม.ย. โดยคาดว่าจะมีเอกชนยื่นซองอย่างน้อย 2 กลุ่ม ขณะที่ช่วงแรก กทท.จะลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 2 ปี ส่วนเอกชนผู้รับสัมปทานจะเข้าพัฒนาต่อและเปิดห้บริการได้ในปี 2566
สำหรับการพัฒนาท่าเรือระนองนั้น ครม.มีมติวันที่ 12 ม.ค. 2562 อนุมัติลงทุนวงเงิน 5,471 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือที่ 3 พร้อมลานวางตู้สินค้า เพิ่มขีดสามารถรองรับจาก 7.8 หมื่นทีอียู/ปี เป็น 5-6 แสนทีอียู/ปี โดยจะก่อสร้างในปี 563 แล้วเสร็จปี 2565
ส่วนโครงการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพที่มีพื้นที่ 2,353 ไร่ ซึ่งในส่วนของการพัฒนา Smart Port ขณะนี้ ได้ลงนามจ้างที่ปรึกษาวงเงิน 42.8 ล้านบาท ส่วนโครงการพัฒนาเพื่อการอยู่อาศัยให้เป็น Smart Community มูลค่าโครงการ 14,885 ล้านบาท จะเร่งสำรวจประชากรและทำความเข้าใจ รวมถึงจ้างออกแบบและทำรายงาน EIA ซึ่งการจัดที่อยู่อาศัยแนวสูงจะทำให้ท่าเรือมีพื้นที่คืนประมาณ 197 ไร่ มูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ที่สามารถนำมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้
ขณะเดียวกัน กทท.อยู่ระหว่างศึกษาการจัดตั้งบริษัทลูกบริหารสินทรัพย์ ในรายละเอียดของการใช้พื้นที่ ข้อกฎหมาย และการเงิน คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ในเดือน ต.ค. 2562
สำหรับผลการดำเนินงานของ กทท.ในปี 2561 มีรายได้ 15,320 ล้านบาท มีรายจ่าย 9,093 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 6,227 ล้านบาท มีปริมาณตู้สินค้า 9.513 ล้านทีอียู จัดส่งรายได้เข้ารัฐ 4,760 ล้านบาท หรือ 76% ส่วนปี 2562 (1 ต.ค. 61-28 ก.พ. 62) มีรายได้ 6,222 ล้านบาท มีรายจ่าย 3,596 ล้านบาท คาดการณ์ปริมาณตู้สินค้าทั้งปีที่ 9.837 ล้านทีอียู