พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า วิกฤตขยะพลาสติกยังเป็นปัญหารุนแรงที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จึงสนับสนุนการยกร่างโรดแมปจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนในรูปคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก ภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน เพื่อเป็นกรอบแนวทางให้ทุกภาคส่วนนำไปดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกแบบบูรณาการ เช่น มุ่งยกเลิกพลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่มภายในปี 2562 การยกเลิกถุงพลาสติกหูหิ้วขนาดความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และหลอดพลาสติก ภายในปี 2565 เป็นต้น โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาผลักดันเป็นนโยบายระดับชาติและนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป
พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวต่อว่า นอกจากการยกร่างโรดแมปเพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาวแล้ว คณะรัฐมนตรียังมีมติเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักดำเนินงาน “โครงการทำความดีด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อม” เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วและงดใช้โฟมบรรจุอาหารในหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วประเทศ ประกอบด้วย 5 กิจกรรม ซึ่งผลการดำเนินงานในกิจกรรมต่างๆ มีความคืบหน้าไปมาก ดังนี้
1. มาตรการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานภาครัฐ โดยกรมควบคุมมลพิษร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการกำหนดให้เป็นตัวชี้วัดประจำปีงบประมาณ 2562 สำหรับประเมินผู้บริหารองค์การ ปลัดกระทรวง อธิบดี จำนวน 152 หน่วยงาน และผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด โดยเริ่มประเมินผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดในวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป แต่ในส่วนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้นได้มอบนโยบายเพิ่มเติม คือ ต้องมีเกณฑ์ประเมินผลมากกว่าหน่วยงานสังกัดอื่น 2 เท่า
2. กิจกรรมรณรงค์ “ทำความดีด้วยหัวใจ ลดรับ ลดให้ ลดใช้ถุงพลาสติก” โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้แยกพื้นที่ดำเนินการเป็น 2 ส่วน คือ 2.1) ตลาดสดเทศบาลและเอกชน 76 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจากการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 21กรกฎาคม 2561-28 กุมภาพันธ์ 2562 สามารถลดถุงพลาสติกได้กว่า 464 ล้านใบ 2.2) ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ ซึ่งผลดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561-28 กุมภาพันธ์ 2562 สามารถลดการใช้ถุงพลาสติกได้ 250 ล้านใบ นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์งดให้บริการถุงพลาสติกทุกวันที่ 4 ของเดือนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ซึ่งจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 สามารถลดได้อีก 100 ล้านใบ โดยเมื่อรวมกิจกรรมทั้งหมดเท่ากับสามารถลดการใช้ถุงพลาสติกได้ถึง 814 ล้านใบ หรือประมาณ 4,600 ตัน ภายในระยะเวลา 7 เดือน
3. กิจกรรมลดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วและโฟมบรรจุอาหารในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 154 แห่งทั่วประเทศ โดย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2561 ถึงเดือนมกราคม 2562 มีผู้ร่วมโครงการ 4,270,129 คน สามารถลดพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งได้ 1,639,920 ชิ้น 4. การรณรงค์งดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วและใช้โฟมบรรจุอาหารในพื้นที่สวนสัตว์ โดยองค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
5. การจัดการขยะบกสู่ขยะทะเลในพื้นที่ 24 จังหวัดชายทะเล โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ได้ดำเนินการใน 5 กิจกรรมสำคัญ คือ 5.1) การจัดเก็บขยะตกค้างในระบบนิเวศอย่างน้อยจังหวัดละ 2 ครั้ง รวมถึงจัดทำมาตรการลดปริมาณขยะทะเลพื้นที่เป้าหมาย 10 จังหวัด ได้แก่ ระยอง สมุทรปราการ สมุทรสาคร เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี สงขลา ปัตตานี พังงา ภูเก็ต และตรัง 5.2) การรณรงค์ชายหาดปลอดบุหรี่และปลอดขยะ ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นนำร่อง 24 แห่งใน 15 จังหวัด 5.3) การจัดทำทุ่นกักขยะ (Boom) เพื่อการจัดการขยะบริเวณปากแม่น้ำและคลองที่จะไหลลงสู่ทะเล นำร่องพื้นที่เป้าหมาย 10 แห่ง และ 5.4) การกำจัดขยะในพื้นที่มีปัญหาเฉพาะ เช่น การดำเนินมาตรการคุ้มครองพื้นที่เกาะเต่า เกาะพะงัน เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นต้น
ปัญหาขยะและขยะทะเลโดยเฉพาะขยะพลาสติกไม่ใช่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง หากแต่เป็นเรื่องสำคัญระดับนานาชาติ ในวาระที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ นับเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะแสดงบทบาทในการเป็นผู้นำที่จะยกระดับความร่วมมือในการจัดการปัญหาขยะทะเลให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น จากการจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล “Special ASEAN Ministerial Meeting on Marine Debris” ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งในที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันว่าปัญหาขยะทะเลเป็นปัญหาข้ามพรมแดนและรับทราบถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือของประเทศสมาชิกอาเซียนในการรับมือกับปัญหาเหล่านี้ โดยรัฐมนตรีอาเซียนได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านความยั่งยืนและเพื่อส่งเสริมการประสานงานที่สอดคล้องกันภายใต้กรอบความร่วมมือของอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อต้านปัญหาขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนแนวทางการขับเคลื่อนและทิศทางในอนาคต รวมถึงข้อปฏิบัติที่แนะนำสำหรับอาเซียนในการป้องกันและลดปัญหาขยะทะเล
“โครงการทำความดีด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายสำคัญ คือ การรณรงค์สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกตกค้างในพื้นที่ชุมชนและแหล่งธรรมชาติต่างๆ ที่กำลังก่อวิกฤตให้กับสิ่งแวดล้อมอยู่ในเวลานี้ ดังนั้นจึงอยากขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมารวมพลังกันในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้พ้นจากวิกฤตที่เกิดขึ้น ด้วยการช่วยกันลดใช้ถุงพลาสติกและกล่องโฟม และปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าว