ผู้จัดการรายวัน 360 - “แรงเลอร์” ปรับโมเดลธุรกิจสยายปีกลงตลาดแมส ลุยเปิดสโตร์ในโมเดิร์นเทรด ปรับราคาสินค้ายีนส์สำหรับช่องทางนี้ลง พร้อยขยายฐานกลุ่มวัยรุ่นต่ำ 25 ปี อัดกิจกรรมตลาดเพียบ ดันเป้ายอดขายโต 10%
นายตามตะวัน แจ่มจำรัส ผู้จัดการทั่วไป การตลาดและไลเซนส์ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด หรือซีเอ็มจี ผู้ทำตลาดยีนส์ 3 แบรนด์ คือ แรงเลอร์ ลี และลีคูเปอร์ เปิดเผยว่า ตลาดรวมยีนส์ในไทยมีมูลค่าประมาณ 22,000 ล้านบาท เติบโต 8-9% มาต่อเนื่องตลอด โดยตลาดรวมแบ่งเป็นกลุ่มพรีเมียม กลุ่มกลางและกลุ่มล่างหรือแมส ซึ่งตลาดแมสถือเป็นตลาดที่ใหญ่มากและเติบโตดีเช่นกันโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ดังนั้น แรงเลอร์จึงมีแผนที่จะปรับโมเดลธุรกิจให้เป็นยีนส์แมสเพื่อขยายฐานตลาดล่างหรือแมสมากขึ้น
โดยมีแผนเปิดชอปแรงเลอร์ในโมเดิร์นเทรดหลักๆ คือ บิ๊กซี เทสโก้โลตัส ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงไม่กี่ชอปเท่านั้นที่เปิดในโมเดิร์นเทรดจากทั้งหมดที่แรงเลอร์มีชอปรวมกันประมาณ 200 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดในศูนย์การค้าและคอมมูนิตีมอลล์เป็นหลัก
ปีที่แล้วเริ่มเปิดร้านในโมเดิร์นเทรด เทสโก้โลตัสกับบิ๊กซี เปิดไปได้ประมาณ 10 สาขา และปีนี้ตั้งเป้าหมายจะเปิดสาขารวม 20 แห่ง เป็นร้านที่ตั้งอยู่ในโมเดิร์นเทรดประมาณ 10 สาขา ซึ่งสาขาในโมเดิร์นเทรดใช้พื้นที่เฉลี่ย 40-60 ตารางเมตร ลงทุนประมาณ 3-4 แสนบาท ตั้งเป้าหมายจะเปิดร้านในโมเดิร์นเทรดให้ครบ 40 สาขาภายใน 5 ปีจากนี้
ทั้งนี้ ช่องทางการจำหน่ายของแรงเลอร์แบ่งออกเป็น ร้านค้าแฟลกชิปสโตร์ และเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้มีแผนที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายอื่นอีก เช่น ออนไลน์ โดยจะเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ให้มีสัดส่วน 10%
สินค้าที่มีจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดนี้จะมีความแตกต่างจากช่องทางหลัก เช่น การลดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นลง และมีการปรับราคาสินค้าลงมาประมาณ 5-10% เพื่อให้เหมาะสมกับช่องทางดังกล่าว โดยราคาจะเริ่มประมาณ 990 บาท ใกล้เคียงกับแบรนด์อื่นที่มีจำหน่ายในช่องทางดังกล่าวนี้ที่เริ่มราคาประมาณ 890 บาท และจะเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่เป็นกลุ่มเบสิกมากขึ้น เป็น 20% จากเดิมจะมีประมาณ 10-15% ขณะที่สัดส่วนสินค้าในร้านแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มซีซันนัล สัดส่วน 20% กลุ่มหลัก สัดส่วน 60% และอื่นๆ
ล่าสุด แรงเลอร์ได้เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ แรงเลอร์ ไอคอนส์ นำเดนิมไอคอน 6 รุ่นที่ได้รับความนิยมในอดีตกลับมานำเสนอใหม่อีกครั้ง โดยมีการปรับรูปทรงให้ทันสมัยเหมาะสมกับยุคปัจจุบัน ทั้งกางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ต และเสื้อแจ็กเกต ด้วยสีฟอกและลายของผ้าเดนิมที่แตกต่างกันตามระยะเวลาสวมใส่และการดูแล ทำให้คอลเลกชันนี้มีความแตกต่างอย่างเป็นเอกลักษณ์ มีให้เลือก 4 แบบ คือ สีฟอกแบบใหม่เนื้อเดนิมแข็ง สีเข้ม, สีฟอกแบบ 1 ปี สีเดนิมจางลงหน่อย เหมือนใส่มา 1 ปี, สีฟอกแบบ 2 ปี สีเดนิมอ่อนลง เหมือนใส่และซักประจำตลอด 2 ปี และสีฟอกแบบ 3 ปี จะเป็นไปตามเทรนด์ของเดนิมที่ไม่ค่อยได้ซัก
โดยเป็นลิมิเต็ดอีดิชันคอลเลกชันที่ประเทศไทยได้นำเข้ามาจำหน่าย 35,000 ชิ้น จำหน่ายในช่วงระยะเวลา 3 เดือนจากนี้ ราคาเฉลี่ย 2,490-3,490 บาท คาดว่าจะขายได้ไม่ต่ำกว่า 80%
ทั้งนี้ แผนการตลาดของแรงเลอร์นอกจากจะปรับโมเดลเจาะแมสแล้วยังปรับฐานกลุ่มลูกค้าด้วย โดยที่ผ่านมากลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นผู้ชายผู้หญิง อายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์อย่างเหนียวแน่น หรือมีสัดส่วนหลักประมาณ 50% ของลูกค้าทั้งหมด และเป็นกลุ่มอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปสัดส่วน 10% แต่แรงเลอร์พยายามจะขยายฐานในกลุ่มที่มีอายุน้อยลงประมาณ 20-25 ปีให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 40%
“เราจะทำการตลาดเพื่อขยายฐานกลุ่มวัยรุ่นนี้ให้มากขึ้น เช่น การทำกิจกรรมโรดโชว์ไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ การออกแบบคอลเลกชันที่มีความเป็นวัยรุ่นมีลูกเล่นมากขึ้น การทำคอลลาบอเรชันนร่วมกับสินค้าและศิลปินมีชื่อเสียงอย่างต่อเนื่อง เช่นที่ผ่านมาเคยทำคอลลาบอเรชันกับ เวียร์-ศุกลวัฒน์ เป้-อารักษ์ เป็นต้น ซึ่งปกติเราจะมีกิจกรรมใหญ่ทำไตรมาส นอกจากนั้นก็จะมีกิจกรรมและเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ การทำสตอรีเทลลิ่ง การเปิดตัวแบรนด์พรีเซ็นเตอร์ และแคมเปญทรูวันเดอร์เรอร์ เป็นต้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายของแรงเลอร์เติบโต 10% หรือประมาณ 1,100 ล้านบาท จากปีที่แล้วมียอดขาย 1,000 ล้านบาท” นายตามตะวันกล่าว