“ไอเจน เอนจิเนียริ่ง” เซ็นสัญญาโครงการนำสายไฟลงใต้ดินหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ของ กฟภ. มูลค่ากว่า 199 ล้านบาท เปิดแผนปีนี้เจาะโครงการขนาดใหญ่ใน 3 ธุรกิจหลัก งานสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย งานพัฒนาระบบโครงข่ายสายส่งอัจฉริยะ และโครงการการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน ลั่นปีนี้รายได้ทั้งกลุ่มทะลุ 1.5 พันล้านบาท
นายพีรยศ รุจิเทศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเจน เอนจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัทมิลล์คอนสตีล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามสัญญาร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในการว่าจ้างให้บริษัทก่อสร้างปรับปรุงโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน บริเวณหาดป่าตอง ภูเก็ต มูลค่า 199 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้บริษัทมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งในอนาคต จากก่อนหน้านี้ที่บริษัทได้ประมูลงานสถานีไฟฟ้าย่อยและงานปรับปรุงโครงข่ายสถานีไฟฟ้าสู่โครงข่ายอัจฉริยะหรือระบบ Smartgrid ของ กฟภ.เมื่อปี 2561
ส่วนแผนงานในปีนี้ บริษัทฯ เตรียมที่จะเข้าร่วมประมูลงานในธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย งานสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย งานพัฒนาระบบโครงข่ายสายส่งอัจฉริยะ และงานปรับปรุงภูมิทัศน์โดยการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และในภาพรวมของการรับรู้รายได้ของกลุ่มบริษัทไอเจนฯ ซึ่งจะมีบริษัทลูกอีกสองบริษัท อันได้แก่ บริษัทไอเจน พาวเวอร์เทค และบริษัทไอเจน เอเนอร์ยี่ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทในปีนี้
“กุญแจสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต คือ บริษัท ไอเจน พาวเวอร์เทค จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแท่งตัวนำหุ้มด้วยโครงอะลูมิเนียม หรือที่เรารู้จักกันในนามบัสดักต์ (Busduct) ที่ได้มาตรฐานระดับโลก มีคุณสมบัติสามารถส่งผ่านกระแสไฟจำนวนมากเพื่อใช้ในอาคารหรือโรงงานขนาดใหญ่ ตั้งเป้าทำรายได้ปีละกว่า 1,000 ล้านบาทใน 3-4 ปี ส่วนบริษัท ไอเจน เอเนอร์ยี่ จำกัด ได้เริ่มจากการทดลองทำ Solar Rooftop ขนาดเล็กและขายไฟที่ราคาส่งเสริมแบบ FIT ที่ 6.20 บาทต่อหน่วย มีรายได้โดยรวมประมาณสองล้านบาทต่อปี และยังได้สัญญาดูแลโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 27 เมกกะวัตต์ ให้กับบริษัทสยามโซล่าร์ เจนเนอเรชั่น นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าบนหลังคาเพื่อขายให้แก่ผู้ใช้เป็นการภายใน (Self-consumption) ซึ่งได้มีการเซ็นสัญญากับกลุ่มลูกค้าแล้วประมาณ 5 เมกะวัตต์ คาดว่าไอเจน เอเนอร์ยี่จะหนุนรายได้ให้กลุ่มไอเจนอีกไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทในปีนี้”