กระทรวงอุตสาหกรรมเร่ง กนอ.หาพื้นที่รองรับการลงทุนกลุ่มเอ็กซอนโมบิลฯ จากสหรัฐฯ ที่ได้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนแล้วในการขยายปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ต่อเนื่องด้วยมูลค่า 3.3 แสนล้านบาทส่งท้ายปี 2561 คาดกลางปีสรุปพื้นที่ถมทะเล ผลพวงลงทุนดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ แซงหน้าญี่ปุ่นลงทุนตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในไทยด้วยมูลค่าสูงสุดกว่า 3.339 แสนล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการเร่งรัดให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ศึกษาพื้นที่เพื่อรองรับการขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัท เอ็กซอนโมบิล คอร์ปอเรชั่น จากสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ล่าสุดได้มีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ต่อเนื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แล้วเมื่อ ธ.ค. 61 ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงถึง 330,000 ล้านบาท เนื่องจากมองไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน
"ก่อนหน้านี้ผู้บริหารระดับสูงเอ็กซอนโมบิลจากสหรัฐอเมริกาได้หารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของไทย และแสดงความสนใจที่จะขยายการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ไทยส่งเสริม แต่มีเงื่อนไขต้องหาพื้นที่รองรับเนื่องจากจุดเดิมที่เป็นที่ตั้งโรงกลั่นเอสโซ่และปิโตรเคมีเต็มแล้ว โดยต้องการ 1,000 ไร่ที่จำเป็นต้องถมทะเล ซึ่ง กนอ.ได้รับไปศึกษาร่วมกับสำนักงานอีอีซี โดยคาดว่าจะสรุปกลางปีนี้เพื่อให้ทันกับแผนการลงทุนของกลุ่มเอ็กซอนฯ" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ปี 2561 (ม.ค.-ธ.ค. 61) พบว่ามีต่างชาติยื่นขอส่งเสริมฯ จำนวน 1,040 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 582,558 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2560 (ม.ค.-ธ.ค.) จำนวนโครงการเพิ่มขึ้น 17% ส่วนมูลค่าเพิ่มขึ้น 102% โดยญี่ปุ่นยังคงครองแชมป์การยื่นส่งเสริมฯเป็นจำนวนโครงการมากสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 334 โครงการ รองลงมาเป็นจีน 131 โครงการ และสิงคโปร์ 102 โครงการ ขณะที่การลงทุนที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 1 กลับเป็นสหรัฐอเมริกาด้วยมูลค่า 333,955 ล้านบาท รองลงมาเป็นญี่ปุ่น 74,416 ล้านบาท และจีน 59,475
"ปี 2561 สหรัฐฯ มีการลงทุนในไทย 38 โครงการ มูลค่ารวม 333,955 ล้านบาท ทำให้มูลค่าการลงทุนของสหรัฐฯ ได้พลิกกลับมาอยู่เป็นอันดับหนึ่งแทนที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ด้วยผลจากการที่มีการยื่นขอรับส่งเสริมการขยายการลงทุนปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นด้วยมูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท โดยในปี 2560 สหรัฐฯ มีการลงทุนรวม 33 โครงการ มูลค่าเพียง 20,022 ล้านบาท" แหล่งข่าวระบุ
ทั้งนี้ จำนวนโครงการต่างชาติที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนคิดเป็น 64% ของจำนวนโครงการที่ยื่นขอส่งเสริมทั้งสิ้น 1,626 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ คิดเป็น 65% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้นที่ยื่นขอส่งเสริม 901,772 ล้านบาท โดยปี 2561 ต่างชาติขอรับส่งเสริมฯ ส่วนใหญ่เป็นหมวดบริการและสาธารณูปโภค รวม 387 โครงการ คิดเป็น 37% ของจำนวนโครงการต่างชาติที่ยื่นขอส่งเสริมทั้งสิ้น กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าหรือไอน้ำจากพลังงานหมุนเวียน และกิจการวิจัย และพัฒนา รองลงมาเป็นหมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง จำนวน 236 โครงการ คิดเป็น 23%
ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในหมวดเคมีภัณฑ์ พลาสติก และกระดาษ มูลค่ารวม 343,943 ล้านบาท คิดเป็น 59% ของมูลค่าเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ยื่นขอส่งเสริมทั้งสิ้น รองลงมาเป็นหมวดผลิตภัณฑ์ โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง มูลค่ารวม 101,208 ล้านบาท คิดเป็น 17%