วันนี้ (28 ก.พ.) ไทยและฮ่องกงได้ลงนาม MOU ร่วมกัน 4 ฉบับ ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ หรือ Start Up และการจัดตั้งเมืองอัจฉริยะหรือ Smart City ซึ่งเป็นผลมาจากการขับเคลื่อนและประสานงานของกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ 1. Innospace (Thailand) กับ HKTDC 2. Innospace (Thailand) กับ Hong Kong Cyberport 3. Innospace (Thailand) กับ Ho & Partners Architects Engineers & Development Consultants Limited (HPA) และฉบับที่ 4 เป็นการลงนามระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กับ HKTDC เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสด้านการลงทุน และการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนระหว่างทั้งสองฝ่าย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้การต้อนรับ นางแครี่ หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง พร้อมด้วยคณะภาครัฐและเอกชนเดินทางเยือนไทยระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2562 และใช้โอกาสนี้เปิดสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง หรือ Hong Kong Economic and Trade Office (HKETO) ที่กรุงเทพฯ แสดงให้เห็นว่าฮ่องกงเห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน จึงให้ความสำคัญเข้ามาเปิดสำนักงาน HKETO ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศไทยในด้านการค้าและการลงทุนในสายตาของผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศมากขึ้น
"เราได้พยายามมา 2 ปี ขณะนี้ฮ่องกงกลายเป็นหัวขบวน Greater Bay Area หรือ GBA ที่เป็นเขตเศรษฐกิจเชื่อมฮ่องกง มาเก๊า และเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงในมณฑลกวางตุ้งรวม 11 เมือง เชื่อมฮ่องกงในฐานะ Super Connector กับเส้นทางสายไหม (BRI) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานของจีน การที่ไทยเป็นมิตรที่ดีกับฮ่องกงมาตลอดสามารถชวนให้เขามาตั้ง HKETO ที่ไทยนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากอนาคตข้างหน้าเราได้หารือกันในหลายๆ มิติความเจริญของฮ่องกงและ GBA จะมีส่วนสร้างเสริมให้ไทยทั้งวิทยาการ การค้า การลงทุน แต่เราต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฮ่องกงเป็นจุดเริ่มต้นของ GBA กับกลุ่มประเทศ CLMVT" นายสมคิดกล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าในระยะต่อไปฮ่องกงคงไม่ได้มองเพียงการค้าและการลงทุน แต่เนื่องจากฮ่องกงมีสถาบันการศึกษา สถาบันการวิจัย มี Cyberport ที่สร้าง Startup ที่มีศักยภาพและมีตลาดหุ้นที่ยิ่งใหญ่มาก ซึ่งอนาคตควรจะมีการหารือกันในความร่วมมือในหลายรูปแบบ โดย Cyberport ของไทยก็คือ InnoSpace ก็จะอยู่ในเขตพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ส่วนการลงทุนจากฮ่องกงซึ่งส่วนใหญ่มีนักธุรกิจจีนอยู่มากยังมีแนวโน้มมาไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยืนยันว่าการเมืองจะไม่มีผลกระทบอะไร
"ฮ่องกงจะนำคณะผู้แทนการค้าจากภาครัฐและเอกชนเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2562 เพื่อขยายความร่วมมือ โดยฮ่องกงจะมองไทยในฐานะ Gateway เข้าสู่อาเซียน และไทยจะใช้ฮ่องกงเป็นประตูเจาะเข้าสู่ตลาดจีน ใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (AHKFTA) และความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างอาเซียน-ฮ่องกง ( AHKIA) รวมทั้ง GBA ที่เป็นเขตเศรษฐกิจเชื่อมฮ่องกง มาเก๊า และเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงในมณฑลกวางตุ้งรวม 11 เมือง เชื่อมฮ่องกงในฐานะ Super Connector กับเส้นทางสายไหม (BRI) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานของจีน และสามารถเชื่อมโยงอีอีซีของไทย" นายสมคิดกล่าว
นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ไทยได้ตั้งบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด หรือที่เรียกว่า InnoSpace (Thailand) ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการช่วยส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมและสตาร์ทอัพ (Startup) อย่างครบวงจร ซึ่งจะนำเอาศูนย์ไทยแลนด์ อินดัสเตรียล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (TIDC) มาเชื่อมโยงในการพัฒนา Startup ด้วย ปัจจุบันการจัดตั้งบริษัทจะต้องหาเอกชนเข้ามาดำเนินการร่วมกับรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้เอกชนรายใหญ่พร้อมจะร่วมมือแล้ว ได้แก่ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ บมจ.เอสซีจี บมจ.ปตท. บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และล่าสุดมีธนาคารกรุงไทย และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีดีแบงก์) เบื้องต้นจะมีการระดมเงินราว 500 ล้านบาทในการร่วมพัฒนา Startup ที่เน้นนวัตกรรมเป้าหมายระยะแรก 50 ราย
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานที่ปรึกษา บ. อินโนสเปซ (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่า อินโนสเปซฯ ของไทยจะคล้ายกับ Cyber Port ของฮ่องกง ที่ตั้งมาจากความร่วมมือของสถาบันการศึกษา การวิจัย เอกชนและรัฐ ที่จะกระตุ้นให้มีการนำนวัตกรรม แนวคิดไปต่อยอดสู่อุตสาหกรรมได้จริง โดยจะเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงให้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนา Startup และการดึงฮ่องกงมาร่วมจะเป็นการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูล การตลาด รวมถึงการนำนวัตกรรมมาพัฒนา Smart City
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ฮ่องกงถือเป็นคู่ค้าสำคัญของอาเซียนในปี 2018 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันถึง 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11 ฮ่องกงถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 9 และเป็นนักลงทุนอันดับที่ 5 ของไทย และคาดว่ามูลค่าการส่งออกไทย-ฮ่องกงในปี 2561 ที่มีอยู่ 12,563 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 12 และจะมีสัดส่วนขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี
