ปตท.สผ.ลั่นพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการปิโตรเลียมรอบใหม่ ลั่น 10 ปี อัดเงิน 1 ล้านล้านบาทในแหล่งเอราวัณและบงกช เพื่อรักษาระดับการผลิตก๊าซฯ 1.5 พันล้าน ลบ.ฟุต/วัน พร้อมเปิดทางดึงพันธมิตรใหม่เข้าร่วมทุนในแหล่งเอราวัณและบงกชเพื่อลดความเสี่ยง
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยภายหลังการลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตแปลง G1/61 (เอราวัณ) และแปลง G2/61 (บงกช) วันนี้ (25 ก.พ.) ว่าบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเข้าประมูลขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแหล่งปิโตรเลียมบนบก หรือในอ่าวไทย โดยจะจับมือกับพันธมิตรในการเข้าร่วมประมูลดังกล่าวตามวิสัยทัศน์ใหม่ คือ บริษัทพลังงานที่ใครก็อยากร่วมงานด้วย (Energy Partner of Choice)
ส่วนเงินลงทุนสำหรับแปลงสำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทยหมายเลข G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และหมายเลข G2/61 (แหล่งบงกช) ที่ ปตท.สผ.ชนะประมูลนั้นจะใช้เงินราว 1 ล้านล้านบาทใน 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2565 ตลอดอายุสัญญาเพื่อรักษาระดับการผลิตก๊าซฯ รวม 1.5 พันล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน โดยแบ่งเป็นงบลงทุนทั้ง 2 แหล่งรวม 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี และที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน หรือกล่าวว่า บริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนในแหล่งบงกช 3-4 แสนล้านบาทใน 10 ปี และแหล่งเอราวัณ 6-7 แสนล้านบาทใน 10 ปี โดยแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานโดยไม่ต้องกู้ยืม โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ที่ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ปตท.สผ.เตรียมเปิดโอกาสดึงพันธมิตรรายใหม่เข้าร่วมทุนในโครงการเอราวัณและบงกช หลังจากเข้าเป็นผู้ดำเนินการแล้ว 1 ปี เพื่อลดความเสี่ยงธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) โดยจำนวนพันธมิตรที่เหมาะสมอยู่ที่ 3 รายเพื่อบาลานซ์การตัดสินใจ โดยอาจจะชวนพันธมิตรเดิมอย่างเชฟรอน และมิตซุยออยล์ฯ เป็นต้น
“บริษัทฯ มั่นใจเตรียมแผนดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนผ่านส่งมอบและแผนการลงทุนให้กระทรวงพลังงานได้ภายในระยะเวลา 45 วัน”
ส่วนค่าคงที่ราคาก๊าซฯ ที่ 116 บาท/ล้านบีทียู เป็นระดับราคาก๊าซฯ ที่บริษัทฯ ประเมินว่าเหมาะสม เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารจัดการ 2 แหล่งช่วยลดต้นทุนลง 20-25% ทำให้กำไรต่อหน่วยลดลง แต่ไม่ทำให้กำไรบริษัทลดลงแต่อย่างใด แต่เป็นระดับราคาก๊าซฯ ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน
นายพงศธรกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ จะมีการตัดสินใจลงทุนครั้งสุดท้าย (FID) ทั้งโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน และโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซในราวไตรมาส 2 ปีนี้ โดยโครงการฮาสสิ เบอร์ราเคซในเฟสแรกใช้เวลาก่อสร้างราวปีครึ่ง และผลิตน้ำมัน 2 หมื่นบาร์เรล/วัน หลังจากนั้นประเมินผลผลิตก่อนขยายการลงทุนในเฟส 2 ต่อไป
โดยทั้ง 2 โครงการดังกล่าวจะเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมของ ปตท.สผ.จากเดิม 5.1 ปี เพิ่มเป็น 7 ปีตามเป้าหมายโดยที่ยังไม่ได้รวมปริมาณสำรองจากแหล่งเอราวัณ และแหล่งบงกช ที่ ปตท.สผ.